Saturday, March 9, 2013

แนะนำอาชีพ 'ต้นไม้ประดิษฐ์'

ต้นไม้ประดิษฐ์ งานศิลปะจากลำต้นของต้นไม้ สามารถสร้างรายได้สร้างอาชีพได้ไม่แพ้งานประดิษฐ์อื่น ๆ เพียงแต่เปลี่ยนขนาดชิ้นงานใหญ่ขึ้น ฝึกฝนให้ชำนาญ ก็ทำให้เกิดรายได้ได้อย่างไม่ยากนัก ซึ่งวันนี้ทีม ’ช่องทางทำกิน“ ก็มีข้อมูลเกี่ยวกับอาชีพการทำการขาย “ต้นไม้ประดิษฐ์” รูปแบบหนึ่ง มานำเสนอให้ลองพิจารณากัน...
สัมฤทธิ์ ภูมีแกดำ หรือ คุณหนุ่ม วัย 46 ปี ชาวจังหวัดอุดรธานี เจ้าของงาน “ต้นไม้ประดิษฐ์” ที่จะมาดูกันในวันนี้ มีประสบการณ์ด้านนี้มานานกว่า 10 ปี เจ้าตัวเล่าว่า เดิมทำงานเป็นเซลส์ขายเสื้อผ้าแฟชั่นผู้ชายของบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งต้องเดินทางขึ้นเหนือล่องใต้ จนเกิดความเหนื่อย จึงลาออกมาเป็นเซลส์ขายต้นไม้ประดิษฐ์ของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง

จนกระทั่งปี พ.ศ. 2540 เศรษฐกิจเกิดปัญหาฟองสบู่แตก บริษัทที่ทำงานอยู่ปิดตัว แต่ก็ยังมียอดออร์เดอร์ลูกค้าที่ถืออยู่ในมือ ดังนั้น จึงตัดสินใจใช้เงินเก็บจำนวนหนึ่งซื้อวัตถุดิบ ไม่ว่าจะเป็นใบไม้ ลำต้นของต้นไม้ อุปกรณ์ช่างไม้ มาลงมือฝึกหัดทำด้วยตนเอง เพื่อส่งขายให้ลูกค้าที่สั่งซื้อ ซึ่งใช้เวลาฝึกราว 6 เดือนก็ทำได้ แต่จะให้ชำนาญต้องใช้เวลาเป็นปี

ต้นไม้ประดิษฐ์ที่ร้านนี้มีหลากหลายกว่า 200 ชนิด แต่ที่ได้รับความนิยมมากหน่อย คุณหนุ่มบอกว่า ก็มี ซากุระ, เมเปิล, ไผ่, ชาดัด, เส้นทางเงิน, ศุภโชค, ตะเพียนเงิน ซึ่งนิยมใช้ตกแต่งบ้านพัก อาคารสถานที่ โรงแรม ร้านอาหาร หมู่บ้าน ฯลฯ โดยในแต่ละยุคลูกค้าก็จะเปลี่ยนไปตามสภาพเศรษฐกิจ และสภาพสังคม ซึ่งปัจจุบันลูกค้าที่มีมาเรื่อย ๆ ก็คือประเภทบ้านพักอาศัย จะมีมาเรื่อย ๆ ไม่ขาดสาย และบางครั้งก็มีลูกค้าห้างสรรพสินค้าใหญ่ ๆ ให้ไปตกแต่งสถานที่ให้

วัสดุที่ใช้ในการทำต้นไม้ประดิษฐ์ หลัก ๆ ก็มี ลำต้นของต้นไม้-กิ่งไม้ที่ผ่านการอบแห้งและฆ่าเชื้อ ปกติคุณหนุ่มจะใช้ต้นหว้า และไผ่รวก สั่งจากจังหวัดปราจีนบุรีและจังหวัดเพชรบูรณ์ และใช้ใบไม้ประดิษฐ์รูปแบบต่าง ๆ จากจีน

อุปกรณ์ในการทำ หลัก ๆ ก็มี ค้อน, ตะปู, สว่าน, คีม, คัตเตอร์, กาว, ปากกาเมจิก ซึ่งส่วนมากก็เป็นอุปกรณ์ช่างไม้ทั่วไป ใช้เงินลงทุนอุปกรณ์ประมาณ 5,000 บาทขึ้นไป

วิธีทำ “ต้นไม้ประดิษฐ์” เริ่มจากนำไม้ไผ่รวก หรือต้นหว้า มาอบในเตาอบก่อน ด้วยอุณหภูมิ 40 องศาเซลเซียส เพื่อรีดเอาน้ำออก ซึ่งจะทำให้ผิวต้นไม้นั้นแห้งสนิท ใช้วิธีจ้างโรงงานทำเฟอร์นิเจอร์อบให้ เสียค่าจ้างอบครั้งละ 3,000 บาท / น้ำหนักไม้ 250 กก. โดยไม้ขนาดใหญ่จะอบ 3 วัน แต่ถ้าเป็นไผ่จะอบ 2 วัน หรือบางชนิดอาจใช้เวลาอบเป็นสัปดาห์ก็มี

ไม่ควรสร้างโรงอบไม้เอง เพราะค่าใช้จ่ายสูงมาก ไม่คุ้ม

เมื่ออบไม้เสร็จแล้ว พักไม้ที่อบแล้วไว้ 1 คืนก่อน เพื่อช่วยลดความชื้น และเนื้อไม้จะแห้งสนิท เมื่อได้ไม้อบที่แห้งสนิทดีแล้ว ก็นำไม้นั้นมาใส่ยาฆ่าเชื้อ เสร็จแล้วนำไม้ไผ่ ต้นหว้า ไปย้อมสีตามแบบที่กำหนดไว้ การย้อมสีนั้นต้องใช้สีย้อมไม้เท่านั้น และต้องย้อมให้ดูเนียนสวยและคล้ายธรรมชาติของจริงมากที่สุด

เมื่อได้ไม้ที่ย้อมสีแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนออกแบบโครงสร้างต้นไม้ ที่จะต้องมีกิ่ง ก้าน ใบ โดยโครงสร้างต้นไม้นี้ อาจจะเขียนใส่กระดาษ หรือมีวาดภาพไว้ในใจก็ได้ จากนั้นก็สร้างต้นไม้ประดิษฐ์ขึ้นมาด้วยการเจาะรูตามลำต้น ปักกิ่งไม้แล้วตอกตะปูลงไปให้ติด ทำแบบนี้จนกระทั่งได้โครงต้นไม้

ในขณะเดียวกัน ระหว่างที่สร้างโครงต้นไม้นั้นก็ต้องคิดไปด้วยว่าจะติดใบไม้หรือดอกไม้ตรง ไหนดี เมื่อทำโครงต้นไม้เสร็จแล้วก็เจาะรูตามกิ่งไม้อีกครั้งหนึ่ง แล้วนำก้านใบไม้ประดิษฐ์ไปจุ่มกาวยาง จากนั้นนำมาเสียบไปตามรูที่เจาะเอาไว้จนครบทุกจุดที่เจาะไว้ เท่านี้ก็จะได้ต้นไม้ประดิษฐ์ที่สมบูรณ์ทุกส่วนตามที่กำหนดไว้

คุณหนุ่มอธิบายเพิ่มเติมว่า เหตุที่ใช้ต้นหว้า ซึ่งถือว่าเป็นไม้หลักในการทำต้นไม้ประดิษฐ์ ก็เพราะสามารถตกแต่งตามที่ดีไซน์ ตามที่วางรูปแบบไว้ได้เป็นอย่างดี และต้นหว้าก็เป็นต้นไม้ที่เนื้อไม้แข็ง เหมาะที่จะเจาะรูเพื่อติดใบไม้ ดอกไม้ ได้อย่างไม่ต้องกลัวผิวไม้จะแตก

คุณสมบัติของ “ต้นไม้ประดิษฐ์” ที่สำคัญคือ ต้องมีความคงทน ง่ายต่อการเคลื่อนย้ายและดูแลรักษา มีความสวยงาม สามารถใช้ในการประดับตกแต่งภายในสถานที่ต่าง ๆ และงานสำคัญ ๆ ได้เป็นอย่างดี

ราคาขายต้นไม้ประดิษฐ์นั้น อยู่ที่ต้นละ 1,200-25,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาด ชนิดของต้นไม้ และความยากง่ายในการทำ โดยมีต้นทุนในการทำอยู่ที่ประมาณ 50% ของราคาขาย

ใครสนใจ ’ต้นไม้ประดิษฐ์“ ต้องการติดต่อ คุณหนุ่ม-สัมฤทธิ์ ภูมีแกดำ สามารถติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 08-7044-9559 ซึ่งนี่ก็เป็นกรณีศึกษา ’ช่องทางทำกิน“ เกี่ยวกับงานประดิษฐ์ที่เลียนแบบธรรมชาติ ที่ทำเงินได้น่าสนใจ.

http://www.dailynews.co.th/article/384/189163

No comments: