Saturday, April 27, 2013

แนะนำอาชีพ "บายศรีกระดาษ"

"บายศรีกระดาษ" เป็นการประดิษฐ์บายศรีจากวัสดุที่หาง่ายอย่างกระดาษ ซึ่งเป็นการคิดต่าง เพื่อให้สินค้าสามารถกระจายขายได้กว้างขึ้น และที่สำคัญไม่เป็นการสิ้นเปลืองใบตองที่นับวันจะมีราคาแพงขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งบายศรีกระดาษนี้สามารถเก็บไว้ได้นานทีเดียว ซึ่งวันนี้ทีม “ช่องทางทำกิน” ก็มีข้อมูลเรื่องนี้มานำเสนอให้พิจารณา...
  
กัญญา บุญศิริ เจ้าของงาน “บายศรีกระดาษ” วัย 76 ปี ซึ่งเป็น 1 ในวิทยากรของสำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพ และพิทักษ์เด็ก เยาวชน และผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้ข้อมูลกับทีม “ช่องทางทำกิน” หลังจากที่ได้พบกันงานตลาดนัดภูมิปัญญาสร้างอาชีพ ครั้งที่ 3 เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยบอกว่า ทำบายศรีเป็นทุกประเภท เพราะช่วยพี่สาวซึ่งมีอาชีพรับทำบายศรีจากใบตองมานาน และก็ได้หัดพลิกแพลงมาทำบายศรีกระดาษ เพราะเห็นว่าแปลกดี และสามารถจะทำได้หลายสี อีกทั้งวัสดุก็หาง่าย ราคาไม่แพง 
“บายศรีทุกประเภทที่ว่านั้น ก็มี บายศรีเทพ, บายศรีพรหม, บายศรีตอ, บายศรีปากชาม เป็นต้น โดยบายศรีที่เป็นที่นิยมที่สุด มีคนสั่งทำเยอะสุด คือบายศรีปากชาม ซึ่งจะต้องทำเป็นคู่ ยิ่งเป็นช่วงเทศกาล หรือช่วงที่มีการประกอบพิธีกรรมเยอะ ๆ ทำกันไม่ทันทีเดียว” กัญญากล่าว

วัสดุที่ใช้ในการทำบายศรีกระดาษ ก็มี กระดาษสี, กระดาษขาว, พานขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 4 นิ้ว, ดอกไม้พลาสติก ประกอบด้วย กุหลาบ พุด ดาวเรือง บานไม่รู้โรย บัว และโบผ้า ส่วนอุปกรณ์ที่ต้องใช้หลัก ๆ ก็มี กาว, กรรไกร, คัตเตอร์, ไม้บรรทัด, เข็มหมุด และที่เย็บกระดาษ

วิธีทำ “บายศรีกระดาษ” เริ่มจากตัดกระดาษขาว ขนาด 9.5x13.5 นิ้ว จำนวน 1 แผ่น และตัดกระดาษสีขนาดเดียวกัน อีก 1 แผ่น แล้วเอากระดาษขาวม้วนเป็นกรวยเตรียมไว้ จากนั้นเอากระดาษสีม้วนทับบนกรวยขาวอีกชั้นหนึ่ง เสร็จแล้วเย็บติดกันด้วยลวดเย็บกระดาษ แล้วนำไปวางบนพานที่เตรียมไว้

ตัดกระดาษสีขนาด 5x2 นิ้ว เตรียมไว้จำนวนหนึ่ง เพื่อไว้ทำ ตัวบายศรี โดยบายศรีที่จะยกตัวอย่างการทำนี้ เป็น บายศรีปากชาม แบบแม่ 3 ลูก 3

เริ่มที่ ใช้กระดาษสีพันดอกพุดพลาสติก 1 ดอก เป็นตัวบายศรี โดยพันเป็นรูปสามเหลี่ยม เอาดอกพุดพลาสติกติดไว้ด้านบน ติดลวดเย็บกระดาษให้เรียบร้อย แล้วเอากระดาษสีขนาดเดียวกันอีก 1 ชิ้น มาพับปิดตัวบายศรีอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งขั้นตอนนี้เรียกว่า “นุ่งผ้า” ทำแบบนี้ไว้ประมาณ 27 ชิ้น

ขั้นตอนต่อมา ทำ “แม่บายศรี” โดยเอาตัวบายศรีแต่ละชิ้นมาเย็บติดกันเป็นแนวตั้ง โดยแม่บายศรี 1 ตัว จะใช้ตัวบายศรี 9 ชิ้น และบายศรีปากชามนี้จะใช้แม่บายศรีทั้งหมด 3 ชิ้น 
ส่วน ลูกบายศรี จะต้องทำและใช้ตัวบายศรี 3 ชิ้น โดยเอาแต่ละชิ้นมาเย็บติดกันเป็นแนวตั้ง ซึ่งสำหรับบายศรีปากชามนี้ก็จะใช้ลูกบายศรีทั้งหมด 3 ชิ้นเช่นกัน

การประกอบ ก็เอาตัวแม่บายศรีทั้ง 3 ชิ้นมาเย็บติดกับกรวยที่ทำเตรียมไว้บนพาน กะระยะห่างให้เท่า ๆ กัน และติดตัวลูกบายศรีอีก 3 ชิ้นตรงช่องว่างของตัวแม่ 3 ช่อง จัดขยับให้ดูเข้าที่เรียบร้อย ก็เป็นอันเสร็จขั้นตอนนี้

ปิดท้ายด้วยการตกแต่งพานบายศรี ตกแต่งด้วยดอกไม้พลาสติก อาทิ กุหลาบ ดาวเรืองที่มีเกสรเป็นดอกบานไม่รู้โรย โดยปักดอกไม้ให้ดูสวยงามมีศิลปะ และตกแต่งในส่วนของกรวยด้วยดอกดาวเรือง ดอกบัว พันรอบกรวยด้วยโบผ้าให้สวยงาม เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบ ร้อยสมบูรณ์ สำหรับการทำบายศรีกระดาษ แบบบายศรีปากชาม แม่ 3 ลูก 3

สำหรับราคาขายบายศรีกระดาษ ถ้าเป็นบายศรีปากชาม ราคาอยู่ที่คู่ละ 200 บาท โดยมีต้นทุนวัสดุ ยังไม่รวมค่าแรงค่าฝีมือ ประมาณไม่เกิน 70 บาท
  
การทำ “บายศรีกระดาษ” ขาย นี่ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งรูปแบบ “ช่องทางทำกิน” ที่น่าพิจารณา ซึ่งหากใครสนใจบายศรีกระดาษ ต้องการติดต่อ กัญญา บุญศิริ ก็ติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 08-1902-2632

http://www.dailynews.co.th/article/384/200352

แนะนำอาชีพ ‘ทองม้วนสด’

หลังจากที่ทางเว็บของเราเคยทำการ แนะนำอาชีพ ‘ทองม้วนกรอบ’ มาแล้ววันนี้เลยขอแนะนำทองม้วนอีกแบบคือ ทองม้วนสด

“ทองม้วน” ขนมไทยที่มีมาแต่โบราณ มีทั้งแบบที่เป็นทองม้วนแบบกรอบ และอีกแบบคือ “ทองม้วนสด” เป็นของว่างทานเล่นที่มีความเหนียวนุ่มและหอมหวาน ซึ่งวันนี้ทีม ’ช่องทางทำกิน“  มีข้อมูลการทำการขาย ’ทองม้วนสดมะพร้าวอ่อน“ มานำเสนอ ซึ่งทองม้วนสูตรนี้เมื่อทำได้อร่อยก็เป็นช่องทางอาชีพ สร้างรายได้ได้เป็นอย่างดี...
   
ณัฐวรรณ ตัญญะ ทำ “ทองม้วนสดมะพร้าวอ่อน” ขายอยู่ที่ตลาดน้ำบางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา โดยเจ้าตัวเล่าว่า จริง ๆ แล้วมีอาชีพเป็นชาวสวน ปลูกผักสวนครัว เริ่มจากปลูกไว้กินเอง พอเหลือจึงขาย ปัจจุบันมีการปลูกไว้เยอะ จึงมีขายได้ทุกวัน และก็ทำเป็นอาชีพเรื่อยมา ซึ่งวันธรรมดาก็จะเป็นแม่ค้าขายผักสวนครัวอยู่ที่ตลาดสด วันเสาร์-อาทิตย์ก็เอามาวางขายที่ตลาดน้ำ จนมาช่วงหลังลูกที่กำลังเรียนอยู่อยากที่จะหารายได้พิเศษ จึงขอมาขายของที่ตลาดน้ำ และก็เลือกที่จะขายขนมทองม้วนสด เพราะคิดว่าทำไม่ยาก ซึ่งก็จะผสมแป้งให้ลูกมาทำขายที่ตลาดน้ำวันเสาร์อาทิตย์ ทำขายวันแรกยังไม่ได้สูตรที่ลงตัว ทำออกมาแล้วขนมแข็ง ไม่เหนียวนุ่ม ลูกค้าก็ติชมและก็ช่วยบอกสูตรให้เพิ่มเติม ลดส่วนผสมบางตัว
“เราก็กลับมาปรับปรุง ซึ่งก็ใช้เวลาลองผิดลองถูกอยู่เป็นเดือน จนได้สูตรที่ลงตัว ได้ทองม้วนที่มีความเหนียวนุ่ม หอมหวานมัน ประกอบกับการขูดมะพร้าวอ่อนใส่ลงไปในทองม้วนสดที่ทำด้วย ก็ยิ่งเพิ่มรสชาติความอร่อย ทำให้ลูกค้าหลายคนชอบและติดใจ ทุกวันนี้ก็มาทำทองม้วนสดมะพร้าวอ่อนขายอยู่ที่ตลาดน้ำบางคล้าทุกวันเสาร์ และอาทิตย์ ส่วนแผงขายผักสวนครัวที่ตลาดสดก็ยังขายอยู่ แต่ให้ลูกไปดูแลขายแทน” ณัฐวรรณกล่าว

อุปกรณ์ในการทำทองม้วนสดมะพร้าวอ่อน หลัก ๆ มีดังนี้คือ... เตาปิ้งทองม้วนแบบใช้ไฟฟ้า เตาปิ้งไฟฟ้าแบบ 4 หัว ราคาประมาณ 8,500 บาท, กะละมังนวดแป้ง, กระบวยใส่แป้งทองม้วน, ทัพพี, เกรียงสำหรับแคะ, ตัวขูดมะพร้าว

วัตถุดิบที่ใช้ทำตามสูตรมี... แป้งมัน 10 ถ้วยตวง, แป้งข้าวเจ้า  ถ้วยตวง, แป้งท้าวยายม่อม 1 ถ้วยตวง, น้ำตาลมะพร้าว 1.5 กิโลกรัม, กะทิ 2 กิโลกรัม, ไข่เป็ด 10 ฟอง, เกลือ 1 ช้อนชา, งาดำคั่ว  กิโลกรัม และมะพร้าวอ่อน

มะพร้าวที่ใช้นั้นจะต้องใช้ลูกที่ไม่อ่อนและไม่แก่เกินไป เพราะถ้าอ่อนเกินไปเนื้อมะพร้าวจะนิ่มมากไป ถ้ามะพร้าวแก่เกินไปเนื้อก็จะแข็ง ต้องใช้มะพร้าวที่กำลังดี จึงจะได้เนื้อมะพร้าวที่นุ่มกำลังดี

วิธีการทำแป้งทองม้วนสด... เริ่มจากการนำแป้งทั้ง 3 ชนิดเทผสมรวมกันลงในกะละมัง จากนั้นก็ตอกไข่เป็ดผสมลงไปในแป้ง แล้วทำการนวดไปเรื่อย ๆ ให้แป้งกับไข่เข้ากัน จากนั้นก็เทกะทิใส่ผสมลงไปบางส่วนแล้วก็ทำการนวดแป้งต่อไปอีกประมาณ 45-60 นาที นวดไปจนกว่าแป้งจะมีลักษณะนุ่มมือและไม่ติดมือ

“ขนมไทยทุกชนิดต้องนวดแป้งให้ถึง ขนมถึงจะนุ่มและอร่อย” ...ณัฐวรรณกล่าว

หลังจากนวดแป้งได้ที่แล้ว ก็ให้นำกะทิที่เหลือเทลงไปในแป้งให้หมด และก็ตามด้วยน้ำตาลมะพร้าว ทำการคนให้แป้งและน้ำตาลมะพร้าวละลายเข้ากัน เมื่อส่วนผสมทุกอย่างละลายเข้ากันดีแล้วก็ใส่ถุงแล้วนำเข้าแช่ในตู้เย็นเก็บ ไว้ เวลานำมาใช้ก็เทแบ่งใส่กระบวย ถ้าจะทำให้เป็นแป้งสีเขียวก็ผสมน้ำใบเตยลงไป หรือถ้าจะทำให้แป้งเป็นสีม่วงก็ผสมน้ำดอกอัญชัน
การปิ้งทองม้วนสดนั้น ให้ใช้ไฟแรงพอประมาณ ทำการเปิดเตาทิ้งไว้ประมาณ 1 นาที เพื่อเป็นการวอร์มเตา เวลาหยดแป้งลงเตาก็ใช้ทัพพีตักแป้งทองม้วนจากกระบวยใส่ลงไปบนเตา เกลี่ยให้ได้แผ่นพอประมาณ พอแป้งเดือดเล็กน้อย ก็ให้ขูดมะพร้าวอ่อนให้เป็นชิ้นขนาดพอดีวางลงบนแป้งทองม้วน 1 ชิ้น จากนั้นก็ประกบฝาเตาเข้าหากัน ทิ้งไว้สักพัก ประมาณว่าเปลี่ยนไปหยอดเตาอื่นเสร็จ เตาที่ปิ้งไว้ก่อนก็สุกพอดี พอสุกก็ทำการม้วนให้มะพร้าวอ่อนโชว์อยู่ด้านบน เท่านี้ก็เสร็จเตรียมแพ็กใส่กล่องขาย

จากสูตรที่ว่ามานั้น สามารถทำแป้งทองม้วนได้ประมาณ 5 กิโลกรัม ใช้ทำทองม้วนสดได้ประมาณ 150 กล่อง แต่ละกล่องมี 7 ตัว หรือ 7 ชิ้น ขายในราคากล่องละ 20 บาท โดยมีทุนวัตถุดิบประมาณ 1,000 บาทขึ้นไป
    
’ทองม้วนสดมะพร้าวอ่อน“ ของณัฐวรรณ ขายอยู่ที่ตลาดน้ำบางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เป็นอีกหนึ่งสินค้าขนมไทย ๆ ที่ในปัจจุบันก็ยังคงเป็น ’ช่องทางทำกิน“ ที่น่าสนใจ.

บดินทร์ ศักดาเยี่ยงยงค์ : รายงาน / วรัญญู เหมือนเดช : ภาพ
........................................................................................
คู่มือลงทุน...ทองม้วนสดมะพร้วอ่อน
ทุนอุปกรณ์ ประมาณ 12,000 บาท
ทุนวัตถุดิบ 1,000 บาทขึ้นไปต่อ 150 กล่อง
รายได้ ราคาขายกล่องละ 20 บาท
แรงงาน 1 คนขึ้นไป
ตลาด ย่านอาหาร, ชุมชน, ตลาดนัด
จุดน่าสนใจ เป็นอีกหนึ่งขนมไทยที่ยังขายดี

ที่มา http://www.dailynews.co.th/article/384/200039

Saturday, April 20, 2013

แนะนำอาชีพ “ตะโก้เผือก”

ทุกวันนี้มีขนมหลากหลายชนิดให้เลือกทานได้ไม่รู้เบื่อ แต่ที่ใกล้ตัวอย่าง “ขนมไทย” นับวันจะถูกขนมชาติอื่นมาช่วงชิงความนิยม ซึ่งขนมไทยแท้นั้นจะมีส่วนผสมของแป้ง น้ำตาล และกะทิเป็นหลัก อย่างไรก็ดี วันนี้ทีม “ช่องทางทำกิน” มีข้อมูลขนมไทยโบราณ ที่อร่อย และครองความนิยมไม่กลัวเกรงขนมชาติอื่น อย่าง “ตะโก้เผือก” มานำเสนอ…
                                     
ศศิธร สุนทโรทก หรือ คุณแตน อายุ 46 ปี เจ้าของร้านแตน ขนมหวาน  ตลาดรามอินทรา กม.2  เล่าให้ฟังว่า เดิมนั้นประกอบอาชีพขายแกงถุงและข้าวเป็นหลัก ซึ่งเป็นอาชีพที่ทำสืบต่อมาจากคุณแม่ พอแต่งงานมีครอบครัวก็เปลี่ยนจากขายแกงมาทำขนมขาย อาศัยพื้นฐานการทำอาหารเป็นครูพักลักจำ และศึกษาจากนิตยสารอาหารต่าง ๆ แล้วทดลองทำ  ขนมอะไรที่ทำไม่ได้ หรือขั้นตอนไหนไม่เข้าใจ ก็จะถามจากผู้รู้ แล้วมาดัดแปลงปรับให้เข้ากับที่ตัวเองชอบ

“ชอบกินขนมหวานตั้งแต่เด็กแล้ว และฝันอยากทำขนมหวานอร่อย ๆ ให้คนกิน พอแต่งงานแยกครอบครัวออกมาก็เลยถือโอกาสเปลี่ยนอาชีพจากทำแกงถุงมาเป็นทำขนม หวานขาย โดยเริ่มจากขนมน้ำหรือขนมถุงก่อน ทำเองชิมเอง เชื่อมั่นในรสปากตัวเอง ถ้าชิมอร่อยก็ใช้ได้เลย เช่น กล้วยบวชชี, มันแกงบวด, เผือกแกงบวด, สาคู-ข้าวเหนียวถั่วดำ, เปียกสาคู, เปียกข้าวโพด, เปียกลำไย, เปียกลูกเดือย, เปียกรวมมิตร, ครองแครงกะทิสด, บัวลอยเบญจรงค์, เต้าส่วน, ลูกตาลลอยแก้ว ทำสลับสับเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ทุกวัน 7-8 อย่าง และทำเหนียวมูนกับหน้าต่าง ๆ เพื่อรองรับกับหน้ามะม่วงด้วย ตามด้วยตะโก้ ซึ่งขายดีจนกลายเป็นขนมตัวหลัก  ลูกค้าที่มาซื้อจะเห็นเราทำใหม่  ๆ สด ๆ  เพราะจะทำไปขายไปกันเลย”

อุปกรณ์หลัก ๆ ที่ใช้ในการทำ ก็มีชุดเตาแก๊ส, กระทะทอง, ทัพพี, ไม้พาย, กระชอน, กะละมังหลาย ๆ ขนาด, หม้อสเตนเลส, กระบวย, ผ้าขาวบาง  และเครื่องไม้เครื่องมือเบ็ดเตล็ดอื่น ๆ ที่หยิบยืมเอาจากในครัวได้

ในการทำขนมตะโก้นั้น มีส่วนผสม 2 ส่วน คือส่วนตัวขนมหรือไส้ขนม และส่วนหน้าขนม

ส่วนผสมตัวขนมหรือตัวไส้  ตามสูตรจะมี แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย, แป้งมัน 1/4 ถ้วย, น้ำตาลทราย  4 ขีด, เผือก  2 กก., น้ำกะทิแยกหัว-หาง, เกลือ 1  ช้อนชา และต้องเตรียมกระทงใบเตยหรือกระทงใบตองด้วย
      
ส่วนผสมของหน้าตะโก้ มี น้ำกะทิ  2 ถ้วย, น้ำดอกมะลิ 1  ถ้วย, แป้งข้าวเจ้า 4  ช้อนโต๊ะ, เกลือ 1 ช้อนชา
     
ขั้นตอนและวิธีทำ“ตะโก้เผือก”
นำเผือกมาปอกเปลือกออกแล้วล้างให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ประมาณสี่เหลี่ยมลูกเต๋า ใส่หม้อตั้งไฟต้ม พอสุกยกลงพักไว้สักครู่ (ขั้นตอนนี้หากต้องการเปลี่ยนตัวขนมเป็นข้าวโพด แห้ว สาคู เทคนิคและขั้นตอนการทำก็คล้ายกับตะโก้เผือก เพียงแต่เปลี่ยนวัตถุดิบเท่านั้น  ขั้นตอนอื่น ๆ จะคล้ายกัน)

ผสมแป้งข้าวเจ้าและแป้งมันเข้าด้วยกัน ใส่ลงไปในน้ำหางกะทิ ตามด้วยน้ำตาลทราย ใช้ทัพพีคนให้ส่วนผสมละลายเข้ากันดี ตั้งเตรียมไว้ก่อน

การกวนตัวขนม นำหัวกะทิใส่ผสมกับเผือกต้มสุกที่เตรียมไว้ ยกขึ้นตั้งไฟ พอเดือดใส่ส่วนผสมแป้งที่เตรียมไว้ตามลงไปกวนจนแป้งข้นเหนียว ยกลง ตักหยอดใส่กระทงที่เรียงตรียมไว้ ใส่ลงไปประมาณ  3/4 ของกระทง

ต่อไปก็ทำหน้าตะโก้กันต่อ เริ่มจากผสมกะทิ แป้งข้าวเจ้า เกลือ และน้ำดอกมะลิ ผสมให้เข้ากัน นำไปกวนด้วยไฟอ่อน กวนจนแป้งสุกข้น ยกลง ตักหยอดทับบนตัวขนมขณะหน้าขนมยังร้อน ๆ เท่านี้ก็จะได้ตะโก้แสนอร่อยพร้อมขายแล้ว

จากสูตรส่วนผสมที่ว่ามาข้างต้นนั้น  ถ้าจะทำมากขึ้นก็เพิ่มวัตถุดิบตามสัดส่วน

สำหรับราคาขายขนมตะโก้เผือก และตะโก้ไส้อื่น ๆ คุณแตนจะขายชุดละ 15 บาท (มี 2 กระทง)

“ขนมที่ทำจะเน้นให้เด่นทั้งรสชาติที่หวาน  มัน  อร่อยกำลังดี  โดยใช้ของดีมีคุณภาพ” คุณแตนบอก
                                 
ใครสนใจ “ตะโก้เผือก”  และตะโก้อื่น ๆ รวมถึงขนมไทยต่าง ๆ ของคุณแตน จะสั่งทำ สั่งไปใช้ในงานต่าง ๆ หรือรับไปขายต่อ ก็ติดต่อสอบถามได้ที่ โทร.08-4722-5658 และ 08-0984-5966 โดยคุณแตนขายประจำอยู่ที่ตลาด กม.2 รามอินทรา กรุงเทพฯ ขายทั้งปลีกและส่ง ทำขายตั้งแต่ตี 5 ถึง 5 โมงเย็น ทั้งนี้ใครที่พอมีฝีมือในการทำ “ขนมไทย” ต่าง ๆ ก็อย่ามองข้ามฝีมือที่มี สินค้าขนมไทยหลาย ๆ อย่างนั้นยังสามารถจะเป็น “ช่องทางทำกิน” ที่ดีได้.

http://www.dailynews.co.th/article/384/198650

แนะนำอาชีพ "ตุ๊กตานกฮูก"

งานมีดีไซน์-ความคิดสร้างสรรค์ดี มีชัยไปกว่าครึ่ง! เป็นเรื่องที่ไม่เกินจริง ยิ่งปัจจุบันงานประดิษฐ์มีออกมาค่อนข้างหลากหลาย การแข่งขันจึงสูง ดังนั้น การรู้จักพลิกแพลงสร้างจุดขายก็ย่อมจำเป็น แต่ถ้าทำได้ก็ย่อมทำเงินได้ไม่ยากนัก อย่างเช่น ’ตุ๊กตานกฮูก“ งานฝีมือขายดีไซน์-มีสไตล์เฉพาะ ที่ทีม ’ช่องทางทำกิน“ จะนำเสนอในวันนี้...
 
บุญเกื้อ-สมถวิล เชิดพยัคฆ์ เจ้าของสินค้าในชื่อ โอเอซิสแฮนด์คราฟท์ (Oasis Handcrafts) ต่อยอดสินค้าจากแรงบันดาลใจในธุรกิจรับจัดสวน-ตกแต่งสวน ที่ทำอยู่เดิม จนออกมาเป็นสินค้าของตกแต่ง-ของใช้-ของประดับ ที่น่าสนใจ ด้วยรูปแบบตัวการ์ตูน “นกฮูก” หน้าตากวน ๆ โดยสมถวิลเล่าว่า เดิมทีต้องการผลิตเพื่อใช้ต่อยอดธุรกิจรับจัดสวนที่ทำอยู่ ความตั้งใจแรกเพียงผลิตเพื่อขายเป็นกระถางใส่ต้นไม้หรือใช้ทำเป็นโมบายแขวน ต้นไม้เท่านั้น ต่อมามีคนสอบถามมามาก จึงคิดว่าน่าจะต่อยอดผลิตเป็นสินค้าอีกกลุ่มหนึ่งได้ จึงคิดรูปแบบจนออกมาอย่างที่เห็นในปัจจุบัน

“ทำไปทำมาคนถามเยอะ จึงเกิดความคิดว่าน่าจะพัฒนารูปแบบและเพิ่มประโยชน์การใช้งานได้ จนกลายเป็นสินค้าอย่างที่เห็น ปัจจุบันรูปแบบการใช้งานของสินค้านกฮูกนี้ ก็มีอาทิ กระบอกใส่ของ หมอนอิง หมอนรองนั่ง ป้ายปิดประตู พวงกุญแจ และ กรอบรูป ผลตอบรับก็ค่อนข้างดี เริ่มมีลูกค้าจดจำสินค้าได้มากขึ้น” เจ้าของสินค้ากล่าว

สมถวิลเล่าอีกว่า แม้ปัจจุบันสินค้าจะผลิตขึ้นและจำหน่ายมานานกว่า 1 ปีแล้ว แต่ก็ยังไม่จำเป็นต้องมีหน้าร้าน อาศัยการนำไปฝากขายตามสถานที่ต่าง ๆ นำสินค้าไปออกร้านตามงานแสดงสินค้า และหลัก ๆ จะจำหน่ายสินค้าผ่านทางช่องทางเฟซบุ๊ก ในชื่อ www.facebook.com/OasisHandcrafts ซึ่งผลตอบรับที่ผ่านมาก็ถือว่าน่าพอใจ

“โชคดีที่ตอนเราคิดรูปแบบเป็นนกฮูกตอนแรก ๆ ในตลาดยังมีใครทำกันไม่มากนัก คนจึงจำสินค้าของเราได้แม่น ด้วยสไตล์และการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ สินค้าจึงมีชื่อเรียกว่านกฮูกจนติดปาก อีกทั้งลูกเล่นที่ใส่ลงไปในชิ้นงานในเรื่องประโยชน์ใช้สอยกับรูปแบบที่สะดุด ตา ลูก ค้าส่วนใหญ่ก็จะชมว่าแปลก ไม่เหมือนใคร บางคนก็มีความเชื่อว่านกฮูกเป็นสัญลักษณ์มงคล ก็จะซื้อเพื่อนำไปใช้ตก แต่งบ้าน หรือตกแต่งรถก็ยังมี” สมถวิลกล่าว

สำหรับชิ้นงานนั้น ใช้วัสดุประกอบหลายชนิด อาทิ ผ้า หนังเทียม แผ่นโฟมอีวีเอ (EVA) โดยแผ่นโฟมอีวีเอนี้ เป็นแผ่นยางสังเคราะห์ชนิดหนึ่งและเป็นวัสดุสำคัญที่ถูกนำมาประยุกต์ได้หลาก หลาย ข้อดีคือ นุ่ม ยืดหยุ่น น้ำหนักเบา ทั้งยังสกรีนหรือสามารถปั๊มเป็นลวดลายต่าง ๆ ได้ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นวัสดุที่หาซื้อได้ทั่วไปตามร้านเครื่องเขียนหรืองาน ประดิษฐ์

ทุนเบื้องต้น ใช้ประมาณ 15,000 บาท ส่วนทุนวัสดุอยู่ที่ประมาณ 50% ของราคาขาย ซึ่งเริ่มที่ชิ้นละ 195 บาท โดยวัสดุอุปกรณ์ก็มี เข็ม-ด้าย, กรรไกร, คัตเตอร์, กาวร้อน (กาวซิลิโคน), หนังเทียม, ผ้า, แผ่นโฟมอีวีเอ และวัสดุตกแต่ง

ขั้นตอนการทำ ยกตัวอย่างจะทำเป็น “กระบอกหุ้มหนังใส่ของ” เริ่มจากออกแบบขนาดและรูปแบบนกฮูกที่จะใช้ในการทำ โดยอาจเริ่มจากวาดภาพร่างลงบนกระดาษ หรือหากใครที่เก่งหรือมีความเชี่ยวชาญการใช้โปรแกรมออกแบบในเครื่อง คอมพิวเตอร์ก็อาจออกแบบสำเร็จรูปบนนั้นได้เลย เมื่อได้แบบแล้วก็ทำการเลือกวัสดุที่จะใช้

การทำเป็นกระบอกหุ้มหนังสำหรับใส่ของ ก็นำกระบอกที่จะใช้มาหุ้มหนังและตกแต่ง ทำการวัดขนาด จากนั้นทำการตัดหนังเทียม เย็บขอบริมด้วยด้าย ต่อมาก็ทำการตัดแผ่นโฟมอีวีเอเพื่อทำเป็นส่วนประกอบของตัวนกฮูก เช่น หู, หัว, ขน หากต้องการลดขั้นตอนส่วนนี้อาจใช้วิธีส่งไปให้ร้านที่รับตัดให้ช่วยตัดตาม ขนาดที่ต้องการแทนก็ได้ ในส่วนของขนบนตัวนกนั้น มีขั้นตอนเพิ่มเข้ามานิดหน่อยคือ การสกรีนลวดลายลงไป จากนั้นยึดติดส่วนต่าง ๆ ลงไปบนกระบอกหนังด้วยกาวร้อนหรือกาวซิลิโคน ตกแต่งหน้าตาด้วยวัสดุตกแต่ง เป็นอันเสร็จขั้นตอน

“ขั้นตอนไม่ซับซ้อน แต่จำเป็นต้องใช้ความประณีตและความอดทน โดยเฉพาะในส่วนที่เป็นลูกเล่นบนชิ้นงาน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ลูกค้าชอบหรือไม่ชอบสินค้า” เป็นคำแนะนำจากเจ้าของสินค้ารายนี้

และก่อนจากกัน ก็ยังมีคำแนะนำให้กับผู้สนใจทำอาชีพงานประดิษฐ์ด้วยว่า ต้องทำเพราะใจรัก เพราะงานประดิษฐ์นั้นต้องใช้เวลาและอดทน และอาชีพงานประดิษฐ์ก็จำเป็นต้องมีการวางแผนการทำธุรกิจไม่แพ้ธุรกิจอย่าง อื่น หากมีแผนดี-มีความคิดสร้างสรรค์ ก็เชื่อว่าโอกาสที่จะทำเงิน หรือยึดทำเป็นอาชีพ ก็ยังเปิดกว้างอย่างแน่นอน...
 
ใครสนใจสินค้า ’ตุ๊กตานกฮูก“ ที่ทำเป็นของตกแต่งและของใช้   ต่าง ๆ ได้หลากหลาย ต้องการติดต่อเจ้าของสินค้า ก็ติดต่อได้ที่ โทร. 08-2486-2540, 08-1774-8740 หรือที่อีเมล oasishandcrafts@gmail.com หรือลองเข้าไปดูรูปแบบสินค้าได้ตามเฟซบุ๊กดังที่กล่าวมาข้างต้น ซึ่งนี่ก็เป็นอีกรูปแบบ ’ช่องทางทำกิน“ จากงานฝีมือที่มีสไตล์.

http://www.dailynews.co.th/article/384/198361

Saturday, April 13, 2013

แนะนำอาชีพ “ทองเอก - เสน่ห์จันทร์”

ผู้ที่จะเชี่ยวชาญในเรื่องการทำขนมไทยนั้น ต้องมีใจรัก และอดทนพอสมควร อย่างไรก็ดี หากเชี่ยวชาญแล้วก็สามารถจะใช้เป็น “ช่องทางทำกิน” ที่ดีได้ ซึ่งกับการทำขนม “ทองเอก” และ “เสน่ห์จันทร์” ขนมที่นิยมใช้ในงานมงคล อาทิ แต่งงาน ทำบุญขึ้นบ้านใหม่ ที่นับวันจะหาผู้ที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญในการทำได้ยากขึ้นเรื่อย ๆ นี่ก็น่าสนใจ...
  
อ.จันทิรา นวทิศพาณิชย์ ผู้อำนวยการโครงการอนุรักษ์ขนมไทย ก่อตั้งโครงการอนุรักษ์ขนมไทยมานานกว่า 20 ปี ด้วยการรวบรวมสูตร และเคล็ดลับ จากวัด ชาวบ้าน ครูอาจารย์ ฯลฯ เพื่อนำมาถ่ายทอด และปรับปรุงรสชาติ วิธีทำขนมไทย ให้ทันสมัย ทำง่าย รวดเร็ว สะดวก แต่ได้มาตรฐาน เพื่อฟื้นฟูรักษามรดกทางวัฒนธรรมการทำขนมไทย เกิดประโยชน์ด้านการสร้างงาน การประกอบเป็นอาชีพ โดยมีการเปิดสอนด้วย

สำหรับ ขนมทองเอก และ เสน่ห์จันทร์ ก็เป็นขนมที่คนให้ความสนใจเรียน ซึ่งคอลัมน์ “ช่องทางทำกิน” ได้นำสูตรและวิธีทำของทางโครงการนี้ มานำเสนอกัน โดยอุปกรณ์ในการทำหลัก ๆ ก็มี กระทะไฟฟ้า, เครื่องปั่น, ไม้พาย, ถ้วยตวง, พิมพ์ทองเอก, กรรไกรเล็ก, พู่กันจีน และภาชนะเบ็ดเตล็ดต่าง ๆ ที่ใช้ในการทำขนม

ส่วนผสมการทำ ทองเอก ตามสูตรนี้ ก็มี แป้งข้าวเจ้า (อบควันเทียน) ตราสามเศียร 60 กรัม, แป้งมัน (อบควันเทียน) 10 กรัม, น้ำกะทิ 1 ถ้วย, น้ำตาลทราย 3/4 ถ้วย, ถั่วเขียว เลาะเปลือกนึ่งสุก 1 1/2 ถ้วย, เกลือ 1/4  ถ้วย, ไข่แดงของไข่ไก่ 1 ฟอง และเทียนอบ

วิธีทำ นำส่วนผสมทั้งหมด ยกเว้นไข่แดง ใส่เครื่องปั่น ปั่นให้เป็นเนื้อเดียวกัน ปั่นเสร็จแล้วแบ่งส่วนผสมออกเป็น 2 ส่วน นำส่วนผสมส่วนแรกไปกวนในกระทะไฟฟ้า ใช้ไฟกลาง เพิ่มสีสันให้เนื้อขนมด้วยสีผสมอาหารสีเหลืองมะนาวและสีส้มเล็กน้อย กวนพอให้แป้งข้น แล้วใส่ไข่แดงลงไป หรี่ไฟอ่อน ๆ แล้วกวนต่อไป จนแป้งล่อนหลุดจากกระทะ ไม่ติดมือ แล้วนำไปนวดให้เนียนเป็นเนื้อเดียวกัน

จากนั้นนำแป้งที่เตรียมเสร็จแล้วไปแบ่งกดใส่ในพิมพ์ทองเอก และเมื่อเคาะขนมออกมาจากพิมพ์แล้วก็ให้แปะด้วยแผ่นทองคำเปลวที่ตัดแบ่งเป็น ชิ้น เล็ก ๆ จากนั้นนำไปอบควันเทียน 1-2 ชั่วโมง หรือเพื่อความหอมที่มากขึ้นก็อาจจะอบข้ามคืนเลย

สำหรับวิธีทำ เสน่ห์จันทร์ ขนมมงคลอีกชนิดหนึ่ง ก็นำส่วนผสมอีก 1 ส่วนที่แบ่งไว้จากการทำทองเอก มากวนในกระทะไฟฟ้า ใช้ไฟกลาง กวนพอให้แป้งข้น จากนั้นหรี่ไฟอ่อน ๆ กวนต่อไปจนแป้งล่อนหลุดจากกระทะ ไม่ติดมือ หลังจากนั้นก็นำแป้งไปนวดอีกครั้งให้เนียนเป็นเนื้อเดียวกันอีกครั้ง แล้วนำแป้งที่ได้ไปปั้นเป็นขนมเสน่ห์จันทร์

วิธีปั้น แบ่งแป้งขนมเป็นก้อน ๆ ขนาดเท่ากับลูกชิ้น แล้วปั้นเป็นลูกกลม ๆ วางลงบนจาน ใช้ปลายพู่กันจิ้มลงไปตรงกลางให้เป็นรูบุ๋มเล็กน้อย

ทั้งนี้ แป้งที่ใช้ปั้นนี้ ให้แบ่งออกมาส่วนหนึ่ง ไม่ต้องมาก นำมาผสมผงจันป่น และผงดาร์กช็อกโกแลต เพื่อให้มีทั้งสีดำ และกลิ่นช็อกโกแลต แล้วใช้แป้งผสมนี้ทำเป็นส่วนขั้วของลูกขนมเสน่ห์จันทร์

วิธีปั้นขั้วเสน่ห์จันทร์ ก็ปั้นแป้งส่วนขั้วให้เป็นรูป หยดน้ำเล็ก ๆ ใช้กรรไกรตัดแบ่งตรงกลางหยดน้ำออกมาเป็น 2 ส่วน จากนั้นใช้กรรไกรตัดแบ่งแต่ละส่วนให้ออกมาเป็นกลีบ ๆ โดยส่วนแรกตัดให้เป็น 3 กลีบ อีกส่วนตัดเป็น 2 กลีบ ตกแต่งปลายกลีบให้สวยงาม นำไปติดตรงรอยบุ๋มตรงกลางลูกเสน่ห์จันทร์ แล้วใช้กรรไกรตัดส่วนขั้วออก เหลือแต่กลีบเอาไว้ ใช้ปลายพู่กันจิ้มให้กลีบกับลูกจันทร์ติดกันอีกครั้ง เสร็จแล้วติดแผ่นทองคำเปลวที่ตัดแบ่งเป็นชิ้นเล็กลงไป จากนั้น จึงนำไปอบควันเทียน

จากส่วนผสมดังที่กล่าวมาข้างต้น จะทำขนมทองเอกและเสน่ห์จันทร์ได้รวมประมาณ 50 ชิ้น ราคาขายชิ้นละ 9-12 บาท ในขณะที่ต้นทุนรวมอยู่ที่ประมาณ 200 บาท ซึ่งนี่ก็นับเป็นขนมไทยขายฝีมือที่ได้ราคาดีอีกประเภทหนึ่ง
  
สนใจขนม “ทองเอก–เสน่ห์จันทร์” ต้องการติดต่อ อ.จันทิรา ติดต่อได้ที่ 1107/2 ซอยวชิรธรรมสาธิต 63 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ โทร. 08-9665-5584 หรือที่ www.facebook.com/โครงการอนุรักษ์ขนมไทย

http://www.dailynews.co.th/article/384/197141

Friday, April 12, 2013

แนะนำอาชีพ "โคมไฟอะคริลิก"

สินค้าประเภทงานฝีมือ งานแฮนด์เมด งานประดิษฐ์ มีการแข่งขันกันสูงในตลาด ซึ่งเจ้าของงานจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพัฒนาคิดค้นสร้างสรรค์สินค้าให้ออก มาดูดีมีแบบฉบับของตัวเอง ต้องหาเอกลักษณ์ให้สินค้าของตนเองให้ได้มากที่สุด จึงจะได้รับการตอบรับที่ดี อย่างงาน “โคมไฟตั้งโต๊ะ” ที่ทำขึ้นจาก “อะคริลิก” แกะสลักเป็นลวดลายและรูปต่าง ๆ พร้อมทั้งมีแสงไฟจากหลอดแอลอีดี ทำให้เกิดแสงและสีสันสวยงาม... “โคมไฟอะคริลิกตั้งโต๊ะ” รูปแบบนี้ก็น่าพิจารณา...
    
อานนท์ บุญประเสริฐ เจ้าของผลงาน โคมไฟอะคริลิกตั้งโต๊ะ เล่าว่า ทำงานประจำเกี่ยวกับการออกแบบชิ้นส่วนรถยนต์ที่บริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งกับงานโคมไฟตั้งโต๊ะที่ทำจากอะคริลิกนั้นเป็นงานที่ทำเป็นอาชีพเสริม ใช้เวลาทำช่วงเย็นหลังเลิกงาน และทำในวันหยุด โดยงานโคมไฟนี้เพิ่งจะเริ่มทำมาได้ประมาณ 7-8 เดือน

งานโคมไฟนี้ได้ไอเดียมาจากการที่ได้มีโอกาสไปเห็นรถที่ทำเครื่องเสียงและมี การตีตู้ลำโพง ใช้แผ่นอะคริลิกที่มีลวดลายมาปิดแล้วมีไฟที่มีสีสันสวยงาม เมื่อได้เห็นก็เกิดไอเดียและคิดว่าน่าจะนำมาประยุกต์ทำเป็นชิ้นงานที่ใช้ สำหรับตกแต่งบ้านได้ ประกอบกับช่วงนั้นก็กำลังมองหาอาชีพเสริมอยู่ จึงนำความคิดมาทดลองออกแบบและลองทำเป็นโคมไฟ

ในช่วงแรกที่ทดลองทำโคมไฟนั้นก็เคยพยายามหาวัสดุหลากหลายมาทำ ตอนแรกก็ใช้ไม้ แต่ไม่ประสบผลสำเร็จเพราะเวลาแกะสลักแล้วไม้จะแตกหัก ใช้เวลาลองผิดลองถูกอยู่ประมาณ 3-4 เดือน ที่สุดก็สามารถหาวัสดุที่เหมาะในการทำได้ นั่นก็คือแผ่นอะคริลิก และก็เริ่มออกแบบรูปแบบลวดลาย และผลิตผลงานออกมาได้สำเร็จ

รูปแบบที่ทำออกมาตอนนี้ก็มีอยู่ประมาณ 15 แบบ

ตลาดแรกที่วางขายก็คือการลงขายผ่านอินเทอร์เน็ต เนื่องจากไม่มีหน้าร้าน และก็ทำงานประจำอยู่ด้วยจึงไม่มีเวลาที่จะนำผลงานไปวางขาย ซึ่งผลงานที่ทำออกมาขายนั้นก็ได้รับการตอบรับจากลูกค้าต่างประเทศเป็นอย่าง ดี โดยลูกค้าที่สั่งซื้อและสั่งทำส่วนใหญ่จะเอาไปตกแต่งร้านอาหาร

วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ทำโคมไฟอะคริลิกตั้งโต๊ะ หลัก ๆ ก็มี... เครื่องแกะสลัก, แผ่นอะคริลิก, แผ่นพลาสวูด (พีวีซีโฟม), สวิตช์ไฟ, แผงวงจรไฟฟ้า, หลอดไฟแอลอีดี ขนาด 5 มิลลิเมตร, ปืนยิงซิลิโคน และอุปกรณ์ช่างอื่น ๆ ทั่วไป

เครื่องแกะสลัก เป็นเครื่องที่ใช้แกะสลักไม้ แกะสลักอะคริลิก ซึ่งหาซื้อได้ในกรุงเทพฯที่ตลาดคลองถม ราคาเครื่องอยู่ที่ประมาณ 80,000 บาท ส่วนแผ่นอะคริลิกใช้ขนาดความหนา 6 มิลลิเมตร แผ่นขนาด 1x2 เมตร แผ่นละประมาณ 3,000 บาท ทำชิ้นงานได้ประมาณ 25 ชิ้น หาซื้อได้แถวย่านวงเวียน 22 แต่ถ้าสั่งซื้อจากโรงงานจะได้ราคาที่ถูกกว่า ซึ่งสำหรับค่าอุปกรณ์และวัตถุดิบทั้งหมดใช้เงินทุนเบื้องต้นประมาณ 100,000 บาท

ขั้นตอนการทำ เริ่มจาก... ออกแบบรูปหรือลวดลายที่ต้องการ หรือตามลูกค้าออร์เดอร์ ออกแบบลงบนเครื่องคอมพิวเตอร์ หลังจากที่ทำการออกแบบรูปแบบเสร็จแล้วก็ทำการตัดแผ่นอะคริลิกให้ได้ขนาด ประมาณ 16x25 เซนติเมตร นำไปวางไว้บนเครื่องแกะสลัก โดยจะต้องใช้กระดาษกาวสองหน้ายึดติดแผ่นอะคริลิกกับเครื่องแกะสลักให้แน่น ไม่ขยับเขยื้อน เพราะเวลาเครื่องแกะสลักทำการแกะลายแผ่นอะคริลิกจะได้ไม่เลื่อนจนทำให้แกะ สลักไม่ได้ เมื่อเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็ทำการสั่งเครื่องแกะสลักให้ทำงานโดยสั่ง ผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ ใช้เวลาในการแกะลวดลายลงบนแผ่นอะคริลิกประมาณ 40 นาที
ในช่วงที่รอเครื่องแกะสลักแกะลวดลายลงแผ่นอะคริลิก ก็มาทำฐานรองเตรียมไว้ โดยการตัดแผ่นพลาสวูดให้เป็นรูปวงรี กว้าง 8 เซนติเมตร ยาว 30 เซนติเมตร จากนั้นทำการเจาะเซาะด้านล่างของฐานให้เว้าเข้าไป เจาะรูให้ได้ขนาดที่หลอดไฟแอลอีดี ใส่ได้ จำนวน 5 รู ไว้สำหรับใส่หลอดไฟแอลอีดี และวงจรไฟ ส่วนด้านบนของฐานรองให้เซาะเป็นร่องให้กว้างเท่ากับขนาดความหนาของแผ่นอะคริ ลิก ความยาวก็ตามรูปแบบที่ออกแบบไว้ เตรียมไว้สำหรับนำแผ่นอะคริลิกที่แกะสลักเสร็จแล้วมาเสียบประกอบ
เมื่อทำการเซาะร่องเสร็จแล้วก็ทำการประกอบหลอดไฟและต่อวงจรไฟฟ้า เมื่อทำการต่อวงจรไฟฟ้าเสร็จแล้วก็ให้ทดลองเปิดดูก่อนว่าใช้ได้หรือไม่ ถ้าใช้ได้ไฟติดก็ปิดฝาใต้ฐาน ใช้กาวซิลิโคนยึดให้แน่น พอแผ่นอะคริลิกแกะสลักลวดลายเสร็จก็นำแผ่นอะคริลิกมาประกอบใส่ไว้ด้านบน ใช้กาวซิลิโคนยึดติดให้แน่นหนากันหลุด เท่านี้ก็เรียบร้อย

การทำโคมไฟอะคริลิกตั้งโต๊ะนี้มีต้นทุนเฉพาะในส่วนค่าวัสดุ ยังไม่รวมค่าไฟ ค่าแรง อยู่ที่ประมาณ 400-500 บาทต่อชิ้น ซึ่งทางเจ้าของงานตั้งราคาขายราคาชิ้นละ 1,200 บาท
    
สนใจ “โคมไฟอะคริลิกตั้งโต๊ะ” ของอานนท์ เข้าไปดูตัวอย่างสินค้าได้ที่ http://www.thaiclassicsign.com/ และติดต่อสั่งออร์เดอร์ ติดต่อสอบถามทางโทรศัพท์ได้ที่ โทร. 08-9029-0887.

http://www.dailynews.co.th/article/384/196899

Saturday, April 6, 2013

แนะนำอาชีพ “ขายข้าวมันไก่”

หน้า “ช่องทางทำกิน” วันนี้ยังคงเก็บตกบรรยากาศ โครงการ “เดลินิวส์ฝึกอาชีพ” รุ่นที่ 4 และรุ่นที่ 5 ฝึกอบรมการทำธุรกิจขาย “ข้าวมันไก่” ซึ่งทาง เดลินิวส์ จัดขึ้นโดยร่วมมือกับ บริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โดย ธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหาร “ห้าดาว” ที่สถาบันสอนทำอาหารและเบเกอรี่ แม่บ้านคลับ หมู่บ้านทาวน์อินทาวน์ ซอย 9 กรุงเทพฯ เมื่อ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยการจัดกิจกรรมครั้งนี้มีทั้งการสอนการทำข้าวมันไก่ตามรูปแบบแฟรนไชส์ห้า ดาว และยังมีการแจกเอกสาร “สูตรการทำข้าวมันไก่” ด้วย...
                     
สูตรข้าวมันไก่ที่มีการแจกให้กับทางผู้เข้าอบรมนั้น มีดังนี้คือ... ส่วนผสมข้าวมัน... ข้าวหอมมะลิ 1 กก., ข้าวเหนียว 150 กรัม, เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ, ซีอิ๊วขาว 1.5 ช้อนโต๊ะ, น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ, ซุปก้อนไก่ 2 ก้อน, น้ำมันไก่ 10 ช้อนโต๊ะ, กระเทียมทุบทั้งเปลือก 20 กรัม, ขิงหั่นแว่นทุบพอแตก 50 กรัม, ใบเตย 3-4 ใบ, น้ำเปล่า 5-6 ถ้วยตวง วิธีทำ... ตั้งน้ำให้เดือด ใส่ซุปก้อนคนให้ละลาย พักไว้ ผสมข้าวหอมมะลิกับข้าวเหนียว ซาว 1 ครั้ง ใส่ตะแกรงพักให้สะเด็ดน้ำ ตั้งกระทะใส่น้ำมันไก่ พอร้อนใส่กระเทียมและขิงลงเจียวสักครู่ ใส่ข้าวลงผัด ปรุงรสด้วยเกลือป่น ซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย เคล้าให้เข้ากัน ตักใส่หม้อ ใส่น้ำซุป และใบเตย หุงจนข้าวสุก

ขั้นตอนการทำข้าวมันนี้ จะมีส่วนผสมสำคัญตัวหนึ่งคือน้ำมันไก่หรือน้ำมันเจียวไก่ โดย การเจียวน้ำมันไก่... ก็ใส่มันไก่ หนังไก่ ลงในกระทะที่ตั้งไฟอ่อน เจียวให้ไขมันค่อย ๆ ออกมา เจียวจนหนังไก่และมันไก่มีสีเหลืองนวล (อย่าให้เข้มจะทำให้ได้น้ำมันสีเข้ม) นำน้ำมันไก่ขึ้นพักไว้ให้เย็น เก็บใส่ภาชนะ สำหรับใช้ทำข้าวมันส่วนผสมต้มไก่... ไก่ตอน 1 ตัว, เกลือป่น 6 ช้อนโต๊ะ, พริกไทยเม็ดบุบหยาบ 1 ช้อนโต๊ะ, กระเทียมทุบ 30 กรัม, ขิงแก่ 100 กรัม, เก๋ากี้ 1.5 ช้อนโต๊ะ, ฮั่วซัว 3-4 ชิ้น, รากผักชี 10 ราก, น้ำเปล่า วิธีทำ... นำเครื่องเทศทุกอย่างห่อด้วยผ้าขาวบางมัดให้แน่นใส่ลงในหม้อน้ำเปล่า ใส่เกลือป่น พอเดือดนำไก่ลงต้มจนสุก จึงตักไก่ขึ้นแขวนให้สะเด็ดน้ำ เมื่อมีลูกค้าสั่งก็นำมาแล่สับเป็นชิ้น ๆ โปะข้าวมัน ใส่แตงกวาหั่น เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้ม น้ำซุป

ส่วนผสมน้ำจิ้ม... น้ำตาลปี๊บ 75 กรัม, น้ำตาลทราย 50 กรัม, น้ำเปล่า 120 กรัม, ใบเตย 10 กรัม, ขิงแก่ 150 กรัม, พริกขี้หนู-พริกสดสีแดง 80 กรัม, ซีอิ๊วดำหวาน 40 กรัม, น้ำส้มสายชู 220 กรัม, ซีอิ๊วขาว 150 กรัม, เต้าเจี้ยวสูตร 1 บดหยาบ 170 กรัม, กระเทียมไทย 50 กรัม, กระเทียมดอง 20 กรัม, น้ำกระเทียมดอง 50 กรัม วิธีทำ... เคี่ยวน้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย น้ำเปล่า ใบเตย ใช้ไฟอ่อน ๆ จนเหนียว ตักใบเตยออก ยกส่วนผสมขึ้นพักไว้ ปั่นขิงแก่ พริก เต้าเจี้ยว กระเทียมดอง (ฉีกเป็นกลีบ ไม่เอาก้าน) น้ำกระเทียมดอง ซีอิ๊วดำหวาน น้ำส้มสายชู ซีอิ๊วขาว ให้ละเอียด จากนั้นนำมาผสมกับน้ำตาลที่เคี่ยวไว้ เมื่อจะใช้ขายให้ผสมน้ำซุปลงในน้ำจิ้มด้วยเพื่อให้น้ำจิ้มไม่ข้นเข้มมากไป (ปริมาณน้ำซุปตามชอบ) แต่ถ้าจะเก็บน้ำจิ้มไว้นาน ๆ ไม่ต้องเติมน้ำซุป และให้เก็บไว้ในตู้เย็น
ส่วนผสมน้ำซุป... โครงไก่ 1 โครง, น้ำเปล่า 20 ถ้วยตวง, รากผักชีบุบ 7 ราก, กระเทียมบุบ 15 กลีบ, พริกไทยเม็ดบุบ 1 ช้อนโต๊ะ, เก๋ากี้ 2 ช้อนโต๊ะ, เกลือป่น 2.5 ช้อนโต๊ะ, มะนาวดอง 2 ลูก, ใบเตย 5-6 ใบ, น้ำตาลกรวด 2 ช้อนโต๊ะ, ฟักหั่นเป็นชิ้น 500 กรัม วิธีทำ... ห่อรากผักชี กระเทียม พริกไทยเม็ด เก๋ากี้ ด้วยผ้าขาวบางให้แน่น พักไว้ นำหม้อใส่น้ำเปล่า โครงไก่ ใบเตย และห่อผ้าขาวบางที่เตรียมไว้ ยกหม้อขึ้นตั้งไฟ ปรุงรสด้วยเกลือป่น น้ำตาลกรวด พอเดือดให้หรี่ไฟ เมื่อรสชาติเข้ากันดีแล้วก็ใส่มะนาวดองและฟัก ชิมรสอีกครั้งตามชอบ
ทั้งนี้ สูตรส่วนผสมต่าง ๆ ดังที่ว่ามา หากจะทำข้าวมันไก่มากขึ้นก็เพิ่มส่วนผสมต่าง ๆ ตามสัดส่วน และเรื่องการล้างไก่ก็สำคัญ โดย เทคนิคการล้างทำความสะอาดไก่ก่อนต้ม... ตรวจสภาพไก่ ต้องไม่มีรอยช้ำหรือมีกลิ่นเหม็น ขนาดและน้ำหนักเหมาะสม อายุไก่ไม่แก่เกินไป ดึงขน ขนอ่อน ออกให้หมดทั่วตัว ล้างทำความสะอาดทั้งภายในภายนอก ทาเกลือป่นหยาบให้ทั่วตัวไก่ ทิ้งไว้ 10-15 นาที แล้วล้างเกลือออกให้หมด ล้างภายในท้อง ดัดขาไก่ขึ้นพักให้น้ำออกจากท้อง ดัดปีกไก่ให้แนบลำตัวโดยขัดปลายปีกขึ้นด้านบน ใช้เชือกผูกเป็นวงกลมคล้องส่วนปีกทั้งสอง ยกไก่ขึ้น พร้อมนำไปต้ม โดยไก่ตอนน้ำหนักประมาณ 1 กก. ใช้เวลาต้มประมาณ 40 นาที น้ำหนักประมาณ 2 กก. ใช้เวลาต้มประมาณ 40-50 นาที น้ำหนักประมาณ 3 กก. ใช้เวลาต้มประมาณ 60 นาที
ขั้นตอนการต้มไก่... ใส่รากผักชี ต้นหอม น้ำเปล่า ลงในหม้อตั้งไฟให้เดือด ใส่เกลือป่นลงในหม้อ ใส่ไก่ลงลวก 2-3 ครั้ง จากนั้นต้มไก่ประมาณ 20-25 นาที แล้วยกไก่ขึ้นให้น้ำร้อนในท้องไก่ไหลออกมา แล้วใส่ไก่ลงต้มต่อจนสุก นำไก่ขึ้นมาแช่ในน้ำเย็นเพื่อลดความร้อน แช่ประมาณ 5-8 นาที แล้วพักไก่ให้สะเด็ดน้ำ ผสมเกลือป่นและน้ำมันพืชคนให้ละลาย ทาไก่ด้วยน้ำมันบาง ๆ ให้ทั่ว ยกไก่ขึ้นแขวนให้น้ำในไก่ไหลออกหมด เป็นอันเสร็จ

นอกจากข้อมูลเกี่ยวกับสูตรการทำข้าวมันไก่ดังที่แจกแจงมาข้างต้นนี้แล้ว การจะขายข้าวมันไก่นั้นก็จะต้องฝึกหัดส่วนอื่น ๆ อีก เช่น การตักข้าวมัน และที่สำคัญคือการแล่ไก่ การสับไก่ ให้สวยงาม ให้เหมาะสมกับราคาขาย รวมถึงถ้าจะใส่เลือดไก่ ใส่เครื่องในไก่ ในข้าวมันไก่ด้วย ก็ต้องฝึกฝนวิธีทำในส่วนนี้เพิ่มเติมให้ชำนาญ
                     
เหล่านี้ก็เป็นข้อมูล “สูตรการทำข้าวมันไก่” ที่เก็บตกจากการจัดฝึกอบรมอาชีพให้กับประชาชนฟรีที่สถาบันฯแม่บ้านคลับ ซึ่ง โครงการ “เดลินิวส์ฝึกอาชีพ” ร่วมจัดกับ บริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โดย ธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหาร “ห้าดาว” วันนี้ทางหน้า “ช่องทางทำกิน” ก็นำมาฝากกันไว้ ณ ที่นี้ด้วย

ใครสนใจก็ลองฝึกฝนกันดู!!


http://www.dailynews.co.th/article/384/195681