Saturday, October 27, 2012

แนะนำอาชีพ ‘ชิฟฟ่อนทูโทน’

ทำเบเกอรี่ขาย เป็นอีกหนึ่งอาชีพในฝันของใครหลายคน บางคนอยากเปิดร้านเล็ก ๆ บางคนอยากทำอยู่บ้านส่งตามออร์เดอร์ และบางคนทำแล้วก็ขายตามตลาดนัดใกล้บ้านโดยเลือกชนิดเบเกอรี่ที่เหมาะสม อย่าง “ชิฟฟ่อนเค้ก” หอมนุ่มละมุนลิ้น อร่อยราคาไม่แพง ที่ทีม “ช่องทางทำกิน” มีข้อมูลมานำเสนอในวันนี้ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งชนิดเบเกอรี่ยอดนิยม...
 
ศิริกาญจน์ ภรณ์พิริยะนิยม หรือ เจ๊ปลา ทำและขาย “ชิฟฟ่อนน้ำอ้อยทูโทนสูตรสมุนไพร” เจ้าตัวเล่าให้ฟังว่า ชอบทำอะไรที่ไม่เหมือนของคนอื่น ชิฟฟ่อนเค้กก็เช่นกัน ได้นำน้ำอ้อยเมืองสุพรรณฯ มาผสมผสานกับสมุนไพร อย่างใบเตย อัญชัน และยังสอดไส้ด้วยครีมเนยสดมะพร้าวอ่อน ครีมเนยสดฝอยทอง ครีมเนยสดงาดำ และไส้แยมรสต่าง ๆ ขนมจะมีกลิ่นหอมชวนรับประทาน ชิฟฟ่อนน้ำอ้อยทูโทนสูตรสมุนไพรนี้ได้ทำออกขายครั้งแรกที่ตลาดนัด ที่ อ.เดิมบางนางบวช ได้รับการตอบรับดีมาก เพราะยังไม่ค่อยมีคนทำขาย ขั้นตอนการทำไม่เหมือนกับเบเกอรี่อื่น ๆ ที่อบเสร็จแล้วก็จัดใส่กล่องขายได้เลย แต่ชิฟฟ่อนเค้กยังต้องประกบคู่ วัดแนวตัดชิ้นให้ได้ขนาดพอดี ก่อนนำไปห่อด้วยกระดาษไขให้สวยงาม
  
เจ๊ปลาบอกอีกว่า ชิฟฟ่อนที่ทำนั้นเป็นขนมสด ไม่ใส่วัตถุกันเสีย จึงมีอายุแค่ 2 วัน แต่ถ้าอยู่ในตู้เย็นสามารถเก็บไว้ได้ถึง 5 วัน เมื่อจะรับประทานก็ให้นำขนมออกมาวางทิ้งไว้ให้ความเย็นคลายตัวประมาณ 5 นาที เนื้อขนมจะยังนุ่มฟู รสชาติยังอร่อยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ชิฟฟ่อนน้ำอ้อยทูโทน มีจุดเด่นคือ ในหนึ่งชิ้นจะมี 2 รสชาติ เช่น ใบเตย-นม, ใบเตย-กาแฟสด, ส้ม-ใบเตย, อัญชัน-นม, ชาไทย-ช็อกโกแลต และมีอีกหลาย ๆ รสชาติให้ลูกค้าเลือกรับประทาน
  
อุปกรณ์ในการทำขนมชนิดนี้ หลัก ๆ ก็จะต้องมี...เครื่องตีไข่ไฟฟ้า (หัวตีตะกร้อ), เตาอบ หรือเครื่องอบที่มีทั้งไฟบน-ไฟล่าง, อ่างผสม, ตาชั่ง, ถ้วยตวง, ช้อนตวง, มีดปาดครีม, พายยาง, ถาดสำหรับอบ, ตะแกรงร่อนแป้ง, ตะแกรงพักขนม, มีดสำหรับตัดขนม, แปรงทาเนย และกระดาษไข นอกนั้นก็เป็นเครื่องมือเครื่องไม้ที่สามารถหาได้จากในครัว
   
ส่วนผสมที่ใช้ในการทำขนม ตามสูตรก็มี...แป้งเค้ก 400 กรัม, ไข่ไก่ 10 ฟอง, น้ำสะอาด 300 กรัม, น้ำมันพืช 100 กรัม, ผงฟู 1 ช้อนชา, น้ำตาลทราย 150 กรัม, เกลือป่น 1/2 ช้อนชา, นมข้นจืด, น้ำอ้อยสด และน้ำใบเตย น้ำอัญชัน ผงกาแฟสดสำเร็จรูป ผงชาไทยสำเร็จรูป ผงช็อกโกแลต
  
ขั้นตอนการทำ “ชิฟฟ่อนน้ำอ้อยทูโทน” เริ่มจากการทำ ส่วนผสมที่หนึ่ง ร่อนส่วนผสมแป้ง ผงฟู และเกลือ 3 ครั้ง แล้วตวงตามสัดส่วน พักตั้งไว้ จากนั้นเตรียม ส่วนผสมของรสชาติ ที่ต้องการ ทำน้ำใบเตยเข้มข้น น้ำอัญชันเข้มข้น ส่วนผงกาแฟสดสำเร็จรูป ผงชาไทยสำเร็จรูป ผงช็อกโกแลต นำมาละลายกับนม ถัดมาก็นำไข่ไก่มาแยกไข่แดง-ไข่ขาวออกจากกัน แล้วนำน้ำมันพืช น้ำอ้อย น้ำตาลทราย ส่วนผสมรสชาติที่ต้องการ ใส่ภาชนะที่มีไข่แดงรออยู่แล้ว ใช้ที่ตีไข่ตีส่วนผสมให้เข้ากัน แล้วเทส่วนผสมแป้งใส่ตามลงไป คนส่วนผสมให้เข้ากัน พอแป้งเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน ตั้งพักไว้สักครู่
  
ต่อไปเป็น ส่วนผสมที่สอง นำไข่ขาว และครีมออฟทาร์ทาร์ ใส่ลงในอ่างผสม ใช้เครื่องตีส่วนผสมด้วยความเร็วสูง ค่อย ๆ เติมน้ำตาลทรายลงไปทีละน้อยจนหมด ตีต่อจนไข่ขาวเป็นฟองตั้งยอด ก็เป็นอันใช้ได้ จากนั้นก็นำส่วนผสมที่หนึ่ง ใส่ลงผสมกับส่วนผสมที่สอง ใช้มือตะล่อมเบา ๆ หรือใช้ไม้พายคนเบา ๆ ให้ส่วนผสมทั้งสองส่วนเข้ากัน
  
เตรียมถาดพิมพ์ แล้วเทส่วนผสมที่ได้ลงบนถาดที่รองด้วยกระดาษไข เกลี่ยหน้าขนมให้เสมอกัน เคาะก้นพิมพ์เบา ๆ ก่อนนำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 180
องศาเซลเซียส หรือ 350 องศาฟาเรนไฮต์ ใช้เวลาประมาณ 20-25 นาที จนขนมเหลืองจึงนำออกมาจากเตา แล้วคว่ำลงบนตะแกรง พักไว้ให้เย็นสนิท
  
ระหว่างรอก็ทำ บัตเตอร์ครีมมะพร้าวอ่อน ซึ่งส่วนผสมก็มี เนยสดชนิดเค็ม, เนยขาว, นมข้นจืด, น้ำตาลทราย และมะพร้าวอ่อน การทำเริ่มจากนำมะพร้าวอ่อนมาขูดด้วยเล็บแมวแล้วนำไปแช่ตู้เย็น จากนั้นนำนมข้นจืด น้ำตาลทราย น้ำนิดหน่อย ผสมแล้วคนพอเข้ากัน ตั้งไฟอ่อน ๆ พอน้ำตาลละลายยกลงตั้งไว้ให้เย็น จึงนำเข้าตู้เย็นแช่ให้เย็นจัด
  
ตีเนยสดและเนยขาวจนขึ้นฟู แล้วนำส่วนผสมของนมมาตีให้เข้ากันจนเป็นสีขาวครีม นำมะพร้าวอ่อนขูดที่เตรียมไว้ใส่ผสมลงไป จากนั้นนำตัวเค้กที่เย็นแล้วมาวางบนที่เรียบ ๆ ใช้มีดตัดขนมเป็น 2 ส่วนเท่า ๆ กัน นำเค้กหนึ่งชิ้นมาปาดด้วยบัตเตอร์ครีมมะพร้าวอ่อนให้ทั่ว ให้หนาพอประมาณ แล้วนำเค้กอีกชิ้นประกบทับ ใช้มีดตัดเค้กให้เป็นรูปสามเหลี่ยม ห่อด้วยกระดาษหรือพลาสติก ก็พร้อมขายในราคาชิ้นละ 12 บาท มีต้นทุนในส่วนของวัตถุดิบประมาณ 60%
 
ใครสนใจ “ชิฟฟ่อนน้ำอ้อยทูโทนสูตรสมุนไพร” ต้องการสอบถามกับเจ๊ปลา ติดต่อได้ที่ โทร. 08-1570-3870 ทั้งนี้ กรณีศึกษา “ช่องทางทำกิน” รายนี้ ที่ผ่านมาดูเหมือนจะเคยได้ลงคอลัมน์นี้ไปบ้างแล้ว กับช่องทางทำกินจากของกินชนิดอื่น ๆ นี่ก็นำเสนอให้อีกครั้ง…แต่ก็พอแล้วนะ!! กรณีศึกษาช่องทางทำกินรายอื่น ๆ ที่น่าสนใจนั้นมีอีกมากมาย...

เชาวลี ชุมขำ : เรื่อง / วรพรรณ เลอสิทธิศักดิ์ : ภาพ

..........................................

คู่มือลงทุน...ชิฟฟ่อนน้ำอ้อยทูโทน

ทุนเบื้องต้น    ประมาณ 30,000-40,000 บาท
ทุนวัตถุดิบ    ประมาณ 60% ของราคาขาย
รายได้    ราคาขายชิ้นละ 12  บาท
แรงงาน    1 คนขึ้นไป
ตลาด    ร้านขนม, ตลาดนัดทั่วไป
จุดน่าสนใจ    เป็นอีกหนึ่งขนมซื้อง่ายขายคล่อง

http://www.dailynews.co.th/article/384/163290

Friday, October 26, 2012

แนะนำอาชีพ ''งานผ้า-งานปัก''

งานผ้า-งานปัก ยังเป็นชนิดชิ้นงานที่ได้รับความสนใจทั้งจากกลุ่มผู้ผลิตและกลุ่มผู้ซื้อต่อ เนื่องมาตลอด ส่วนหนึ่งมาจากรูปแบบที่หลากหลาย ทั้งจากลวดลายของผ้า รวมไปถึงรูปแบบของลักษณะชิ้นงานที่ทำขึ้น เราจึงพบว่าแม้ตลาดจะมีผู้ผลิตชิ้นงานอยู่มากมาย แต่ก็ยังเกิดรูปแบบ และลวดลายต่าง ๆ เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อย่างเช่นงานมีสไตล์เฉพาะของ “วิลาสินี พูลพิพัฒน์” กับ ’งานผ้าปัก“  สารพัดชนิด ที่ทีม ’ช่องทางทำกิน” จะนำเสนอในวันนี้...
วิลาสินี เล่าว่า ยึดอาชีพผลิตชิ้นงานจากผ้าปักเป็นอาชีพเสริมจากอาชีพหลักคือการเป็นนักออก แบบสิ่งพิมพ์ มาได้ประมาณ 3 เดือนแล้ว โดยงานผ้า-งานปักนี้เกิดจากความชอบส่วนตัว ได้รับแรงบันดาลใจจากคนใกล้ชิดอย่างคุณแม่และคุณยายที่นำผ้าเก่าที่เก็บไว้ นานหลายปีมามอบให้ ซึ่งพอได้เห็นก็เกิดไอเดียว่าลวดลายบนผ้ามีความสวยงามน่าจะสามารถนำมาสร้าง สรรค์ให้เกิดเป็นชิ้นงาน โดยใส่สไตล์เฉพาะที่ตนคิดขึ้นจากทักษะด้านการออกแบบที่มีอยู่ จึงทดลองและฝึกทำ โดยช่วงแรกนำไปมอบเป็นของขวัญให้กับคนรู้จัก ทำให้มีคนสั่งทำต่อเนื่องติดต่อกันมาเรื่อย จึงคิดว่าน่าจะสามารถนำมาทำเป็นอาชีพเสริมได้ จึงเริ่มผลิตเพื่อวางจำหน่ายโดยอาศัยการขายผ่านระบบออนไลน์ คือที่เว็บไซต์ www.reveryshop.com กับทางเฟซบุ๊ก www.facebook.com/pages/Reveryshop-online

ข้อดีของการจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางนี้ วิลาสินี บอกว่า คือประหยัดค่าใช้จ่ายกว่าการลงทุนเปิดร้าน เนื่องจากตนเคยเปิดร้านผลิตงานผ้าพิมพ์มาก่อน จึงรู้ ซึ่งการเปิดร้านที่ตั้งอยู่กับที่นั้นหากเงินทุนหมุนเวียนไม่มากพอ หรือมีทุนสำรองไม่มากพอ ก็อาจจะประสบปัญหาได้ ขณะที่การจำหน่ายสินค้าผ่านทางระบบออนไลน์และอินเทอร์เน็ตนั้น หากเข้าใจและใช้งานได้เหมาะสม ก็ถือว่าเป็นช่องทางหนึ่งที่เหมาะมากกับสินค้าประเภทงานประดิษฐ์และงานฝีมือ โดยเฉพาะสินค้าแฮนด์เมด แต่ข้อจำกัดของระบบการขายผ่านทางช่องทางนี้ ในเรื่องความน่าเชื่อถือ ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องศึกษา และต้องสร้างความเชื่อมั่นไว้ใจให้ลูกค้า อีกทั้งควรจะต้องหมั่นเข้าอัพเดทหรือติดตามความเคลื่อนไหวให้สม่ำเสมอ

วิลาสินี กล่าวต่อไปว่า สำหรับชิ้นงานที่ทำอยู่ ปัจจุบันก็มี ปลอกหมอน, กระเป๋าถือ, กระเป๋าสะพาย, กระเป๋าเก็บสมุดธนาคาร, กระเป๋าเครื่องสำอาง, ชุดคลุมสตรี, เสื้อยืด เป็นต้น ส่วนลายผ้าที่ลูกค้านิยม มีอยู่สามลาย ได้แก่ ลายธรรมชาติ, ลายวินเทจ, ลายดอกไม้ โดยจุดเด่นของชิ้นงานจะเน้นที่สีสันสดใสและรอยปักที่เป็นงานทำมือ

“ลูกค้าจะชอบงานปักด้วยมือ และสินค้าทุกชิ้นจะมีส่วนที่ใช้มือทำ ไม่ว่าจะการเย็บปลอกหมอน การขึ้นรูปกระเป๋า รูปแบบก็จะพลิกแพลงต่อยอดออกไปเรื่อย ๆ ตามลักษณะสินค้า และลวดลายของเนื้อผ้า” เจ้าของชิ้นงานกล่าว

ทุนเบื้องต้นอาชีพนี้ ใช้ประมาณ 5,000 บาท ส่วนใหญ่เป็นค่าวัสดุ และอุปกรณ์หลัก ๆ ในการผลิต ซึ่งถ้าหากต้องการทำเป็นงานเสริมหรือผลิตเพียงไม่กี่ชิ้นก็สามารถจะตัดทุนใน ส่วนของจักรเย็บผ้าออกไปได้ ใช้การเย็บมือทั้งหมด ส่วนทุนวัสดุอยู่ที่ประมาณ 50% จากราคาขาย ที่เริ่มตั้งแต่ชิ้นละ 190 บาท ถึง 2,000 บาท ขึ้นกับชนิดสินค้า และขนาด

วัสดุ-อุปกรณ์ หลัก ๆ ประกอบด้วย ผ้าชิ้นลวดลายต่าง ๆ, ผ้าแคนวาส (สำหรับทำตัวกระเป๋า, ปลอกหมอน), เข็มกับด้าย, กรรไกร, ไหมปัก, ชิ้นใยสังเคราะห์อัดแผ่น, วัสดุตกแต่งประกอบชิ้นงาน อาทิ ซิป, กระดุม, ริบบิ้น เป็นต้น

ขั้นตอนการทำ เริ่มจากออกแบบลวดลายและรูปทรงชิ้นงานลงบนกระดาษสเกตช์ จากนั้นทำการลอกลายลงบนกระดาษลอกลายหรือกระดาษสำหรับขึ้นแพตเทิร์น เมื่อได้แล้วก็ทำการตัดออกเป็นชิ้น ๆ จากนั้นนำมาทาบกับผ้าแคนวาสเพื่อตัดแบ่งออกเป็นส่วนประกอบชิ้นงาน เช่น กระเป๋า นำผ้าลายต่าง ๆ มาตัดขึ้นรูปเป็นชิ้นตามที่ได้ออกแบบไว้

จากนั้นนำผ้าลายต่าง ๆ ที่ตัดไว้มาทำการเย็บประกอบติดกับส่วนประกอบของกระเป๋าด้วยด้ายหรือไหมปัก ทำการเย็บประกอบส่วนต่าง ๆ เพื่อขึ้นรูปกระเป๋า จากนั้นก็ทำการติดวัสดุตกแต่ง เช่น ซิป, หูกระเป๋า ตามต้องการ สำรวจความเรียบร้อยของชิ้นงานว่าประกอบขึ้นรูปครบถ้วนดีแล้ว ก็เป็นอันเสร็จขั้นตอนการทำในส่วนของกระเป๋า

“ขั้นตอนมีไม่มาก แต่ขั้นตอนแต่ละจุดจำเป็นต้องใช้ความประณีต ใจเย็น และอดทน สำหรับการวางตำแหน่งของชิ้นผ้าก็ควรจะจัดวางให้ไม่ดูรกหรือเยอะเกินไป อีกทั้งการเลือกใช้สีของด้ายและไหมปักก็ควรจะดูกลมกลืนหรือไปกันได้กับลาย ผ้าบนชิ้นงานด้วย” เป็นคำแนะนำของวิลาสินีที่บอกต่อสำหรับคนที่สนใจงานประเภทนี้
ใครสนใจงานประเภทนี้ ก็เข้าไปดูรูปแบบของสินค้าได้ตามเว็บไซต์ข้างต้น หรือต้องการติดต่อวิลาสินี ก็ติดต่อได้ที่ โทร. 08-0446-2445 หรือทางอีเมล revery_shop@hotmail.com นี่ก็เป็นอีกหนึ่งประเภทชิ้นงานจาก ’งานผ้า-งานปัก“  ที่สร้างเงิน สร้างอาชีพ ได้อย่างน่าสนใจ เป็นอีกหนึ่งตัวอย่าง ’ช่องทางทำกิน“  ที่นำมาให้ได้ลองพิจารณากัน.

http://www.dailynews.co.th/article/384/163050

Saturday, October 20, 2012

แนะนำอาชีพ ‘ขนมจีบตัวนก’

“ขนมจีบไทย” ที่ทำเป็นรูปร่างต่าง ๆ เป็นของว่างประเภทของคาวของไทยอีกอย่างหนึ่งที่ปัจจุบันหาทานได้ค่อนข้างยาก เพราะคนทำขายมีน้อย ยิ่งคนทำที่มีความรู้เกี่ยวกับอาหารไทยด้วยแล้ว ยิ่งหายากมาก อย่างไรก็ตาม วันนี้ทีม “ช่องทางทำกิน” ก็มีข้อมูลการทำการขาย “ขนมจีบไทยรูปตัวนก” มานำเสนอให้ได้พิจารณากัน...
 
เนาวรัตน์ เจาวัฒนา หรือ เหมียว ซึ่งทำธุรกิจรับจัดเลี้ยง และมีสูตรทำ “ขนมจีบไทยรูปตัวนก” ด้วย เล่าให้ฟังว่า ความรู้การทำของว่างไทยนี้ได้รับจากน้องที่ไปเรียนด้านอาหารไทยมา และนำมาประยุกต์ให้เข้ากับธุรกิจอาหารในยุคปัจจุบัน ในยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป
  
“ขนมจีบไทยนี้ เป็นของว่างประเภทของคาว ดั้งเดิมนั้นจะเป็นรูปคนโทน้ำ แต่เมื่อมาทำธุรกิจอาหารแล้ว ก็ต้องปรับรูปแบบให้น่ารัก และดูแปลกใหม่ จึงเปลี่ยนเป็นรูปนกตัวเล็ก ๆ น่ารัก ๆ และทำให้มีหลายสี และหลายไส้” เนาวรัตน์ กล่าว
  
สำหรับอุปกรณ์ในการทำขนมจีบไทยรูปตัวนก หลัก ๆ ประกอบด้วย ถาดใส่แป้ง ไม้พาย เครื่องรีดแป้ง กระทะ กระทะทองเหลือง เตาแก๊ส ที่ตัดแป้งเป็นรูปวงกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 4 ซม. และแหนบหนีบช่อม่วง ซึ่งแหนบหนีบช่อม่วงนี้ เนาวรัตน์บอกว่า หาซื้อได้ที่ร้านขายอุปกรณ์เบเกอรี่
  
ส่วนประกอบของ แป้งขนมจีบ ตามสูตรก็มี แป้งข้าวเจ้า 128 กรัม, แป้งมัน 30 กรัม, แป้งข้าวเหนียว 30 กรัม, แป้งท้าวยายม่อม 15 กรัม, น้ำเปล่า 900 กรัม และน้ำมันพืช 60 กรัม  
วิธีทำ นำส่วนผสมของแป้งทั้งหมดมาผสมรวมในกระทะทองเหลือง เทน้ำและน้ำมันตามลงไป แล้วกวนด้วยไฟอ่อน  ค่อย ๆ กวนไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งแป้งเข้ากัน กวนต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งแป้งเป็นเงา จับดูแล้วไม่ติดมือ ซึ่งบางแห่งจะใส่กะทิลงไปด้วย แต่เนาวรัตน์บอกว่าเธอไม่แนะนำ เพราะว่าจะทำให้แป้งเสียได้ง่ายเมื่อแป้งสุกได้ที่ตามที่ต้องการแล้ว ยกลงผึ่งให้เย็น แต่ต้องคลุมด้วยผ้าขาวบาง เพื่อไม่ให้แป้งแข็งและด้าน
  
จากนั้นก็เตรียมส่วนผสมของไส้ ซึ่งขนมจีบไทยที่จะอธิบายในที่นี้ จะดูกันที่ ไส้ไก่ โดยมีส่วนประกอบตามสูตรดังนี้คือ สันในไก่บดละเอียด 1 ถ้วย, หอมใหญ่สับละเอียด 1.5 ถ้วย, กระเทียมซอย 1 ช้อนโต๊ะ, รากผักชีหั่นฝอย 2 ช้อนโต๊ะ, พริกไทยป่น 2 ช้อนชา, น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ, น้ำตาลปี๊บ 3 ช้อนโต๊ะ และเกลือป่น 1 ช้อนชา          

วิธีผัดไส้ เริ่มที่โขลกรากผักชี กระเทียม พริกไทย ให้ละเอียด ตั้งกระทะใส่น้ำมัน ใช้ไฟร้อน ใส่เครื่องที่โขลกไว้ลงผัดให้หอม ใส่ไก่ตามแล้วผัดให้สุก ใส่หอมใหญ่ ผัดให้เข้ากัน ใส่น้ำตาลทราย น้ำตาลปี๊บ เกลือป่น ผัดให้แห้ง จึงยกลงพักไว้ให้เย็น  
  
วิธีการปั้นรูปตัวนก นำแป้งที่ผึ่งให้เย็นแล้วมารีดเป็นแผ่นให้แบนประมาณ 0.5 ซม. จากนั้นใช้ที่ตัดแป้งรูปวงกลมตัดแป้งเป็นชิ้น ๆ เตรียมไว้ หั่นแครอทเป็นรูปสามเหลี่ยม ยาว 0.5 ซม. กว้าง 0.25 ซม. และเตรียมน้ำมันพืช 1 ถ้วยเล็ก งาดำคั่วจำนวนหนึ่ง และไม้จิ้มฟัน
  
นำแป้งวางบนมือ ตักไส้ใส่ลงบนแป้งเล็กน้อย พอให้ห่อได้ ห่อไส้ให้มิด อย่าให้แป้งแตก แล้วค่อย ๆ บีบแป้งด้านใดด้านหนึ่งให้ขึ้นเป็นหัวนก นำแครอทที่หั่นไว้มาติดเป็นปากนก ใช้ไม้จิ้มฟันจุ่มน้ำมันพืชแล้วไปจิ้มงาดำ แล้วติดที่บริเวณหัวนกให้เป็นรูปตา ซึ่งต้องติดงาดำทั้ง 2 ด้าน ด้านละ 1 เมล็ด จากนั้นใช้แหนบหนีบช่อม่วงหนีบบริเวณส่วนตัวโดยรอบให้ได้ 8 กลีบ เท่านี้ก็เรียบร้อย
  
“ขนมจีบไทยรูปตัวนก” เจ้านี้ขายราคาตัวละ 6 บาท โดยมีต้นทุนเฉพาะวัตถุดิบตัวละ 2-3 บาท
  
การทำ “ขนมจีบไทยรูปตัวนก” ขาย นี่ก็เป็นอีกหนึ่ง “ช่องทางทำกิน” ด้วยอาหารจำพวกของว่าง ที่น่าพิจารณา ส่วนใครต้องการติดต่อกับ เหมียว-เนาวรัตน์ ก็ติดต่อได้ทาง http://www.facebook.com/12sis-catering

สุภารัตน์ ยอดศิริวิชัยกุล : รายงาน

..........................................

คู่มือลงทุน...ขนมจีบตัวนก

ทุนอุปกรณ์    ประมาณ 5,000 บาทขึ้นไป  
ทุนวัตถุดิบ    ประมาณ 2-3 บาท/ตัว    
รายได้     ขายราคา 6 บาท/ตัว
แรงงาน    1 คนขึ้นไป
ตลาด    ย่านอาหาร, รับสั่งทำ, จัดเลี้ยง
จุดน่าสนใจ    คนทำเป็นทำขายมีไม่มาก    

http://www.dailynews.co.th/article/384/162001

Friday, October 19, 2012

แนะนำอาชีพ ‘ตุ๊กตาจุกมือถือ’

งานแฮนด์เมดอย่างงานปั้นดินญี่ปุ่นเป็นรูปการ์ตูน เป็นรูปสัตว์ แนวน่ารัก ๆ สามารถดัดแปลง สร้างสรรค์ออกมาเป็นสินค้าได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นตุ้มหู สร้อยคอ ที่ห้อยโทรศัพท์มือถือ และที่กำลังเป็นที่นิยมกันในปัจจุบันด้วย ก็คือ “จุกกันฝุ่นเข้าโทรศัพท์มือถือ” ซึ่งทางทีม “ช่องทางทำกิน” มีข้อมูลมานำเสนอให้พิจารณากันในวันนี้...

“งานปั้นดินญี่ปุ่นนั้นเป็นงานที่มีคนทำกันเยอะ คู่แข่งทางการตลาดก็เยอะตามไปด้วย เพื่อที่งานของเราจะอยู่ในตลาดและเป็นที่สนใจของลูกค้าได้ เราจะต้องคิดทำชิ้นงานออกมาให้ดูน่ารัก คิกขุ มีเอกลักษณ์ตามแบบฉบับของตัวเอง พอลูกค้าเห็นก็ต้องรู้ว่านี่เป็นงานของเรา” เจ้าของงานปั้นดินญี่ปุ่น แบรนด์ “cute-monster” กล่าว
 
ปู-วิภาดา ยืนยงค์ และ นิว-วิวัฒน์ เพื่อวงษ์ สร้างสรรค์งานปั้นดินญี่ปุ่น เป็นสินค้าหลากหลาย จำหน่ายภายใต้แบรนด์นี้ ซึ่งทั้ง 2 คนนี้ คนหนึ่งจบทางด้านการออกแบบภายใน อีกคนจบมาทางด้านโฆษณา โดยปูบอกว่า งานปั้นดินญี่ปุ่นนั้นทำมาตั้งแต่สมัยเรียน เนื่องจากเป็นคนที่ชอบงานปั้นมาตั้งแต่เด็ก และก็ได้มาเรียนออกแบบ ก็จะต้องมีการปั้นโมเดลส่งอาจารย์ พอเริ่มปั้นโมเดล ความชอบปั้นดินตั้งแต่เด็กก็เกิดขึ้นมา จึงมีความคิดที่จะปั้นดินเป็นการ์ตูน เพราะคิดว่างานปั้นดินญี่ปุ่นนั้นเป็นงานที่มีจุดเด่นมีสไตล์ที่ดูสวยน่ารัก และที่สำคัญสามารถดัดแปลงเป็นสินค้าได้หลากหลาย
 
“เริ่มศึกษาเรื่องดินต่าง ๆ ที่จะนำมาทำจากอินเทอร์เน็ต และทดลองทำมาเรื่อย ๆ เรียนรู้เรื่องการทำอย่างไรให้งานมีความคงทนแข็งแรง เรื่องรูปแบบสินค้าก็มานั่งออกแบบให้ลงตัวให้มีจุดเด่นในตัวเอง ก็ใช้เวลาลองผิดลองถูกอยู่นานจนได้งานที่ลงตัว ในตอนแรกก็ไม่ได้คิดจะทำขาย จะทำใช้เอง ทำให้เพื่อนเป็นของขวัญ แต่พองานเริ่มลงตัวน่ารักเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ก็เริ่มทำออกจำหน่ายเป็นงานอดิเรกหารายได้เสริม โดยใช้ช่องทางอินเทอร์เน็ตเป็นหน้าร้าน”
 
หลังจากเรียนจบออกมาก็เข้าทำงานประจำอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่ง แต่ก็ยังทำงานปั้นเป็นอาชีพเสริมอยู่เหมือนเดิม มาระยะหลังออร์เดอร์งานปั้นเริ่มเข้ามา
เยอะขึ้น ก็ต้องเร่งทำงานมากขึ้นเพราะเป็นงานแฮนด์เมด ปั้นจากมือทุกชิ้นทุกขั้นตอนจึงใช้เวลามากในการทำ จึงตัดสินใจออกจากงานประจำที่
ทำมาทำงานปั้นดินขายอย่างเดียว เพื่อที่จะทุ่มเทให้กับงานที่ชอบอย่างจริงจัง ซึ่งก็ทำงานปั้นอย่างจริง ๆ จัง ๆ มาก็ 1 ปีกว่าแล้ว
 
ปู-นิว ร่วมกันบอกว่า งานที่ทำนั้นมีจุดเด่นที่ความน่ารักและเป็นเอกลักษณ์ของการ์ตูนที่ออกแบบและ ปั้นออกมา เป็นแบบที่ไม่เหมือนใคร เพราะการ์ตูนทุกตัวจะออกแบบเอง คิดขึ้นมาเอง
 
วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ทำหลัก ๆ มีดังนี้คือ...ดินญี่ปุ่น, สีอะคริลิก, กาวร้อน, ลวด, พู่กัน, แล็กเกอร์ และอุปกรณ์สำหรับที่จะนำงานปั้นไปทำเป็นสินค้าอะไร อย่างพวก สายสร้อยสำหรับทำสร้อยคอ ที่ห้อยโทรศัพท์ ตุ้มหู และถ้าทำเป็น “จุกปิดกันฝุ่นโทรศัพท์มือถือ” ก็ใช้จุกอุดรูหูฟัง หรือที่เรียกกันว่า “ปักกี้”
 
วัสดุอุปกรณ์นั้นสามารถหาซื้อได้ที่ย่านตลาดสำเพ็ง
 
ดินญี่ปุ่นที่ใช้นั้นจะเป็นสีขาว การผสมสีในดินใช้การผสมสีที่เป็นแม่สีหลัก ๆ ได้แก่ สีแดง สีน้ำเงิน สีเหลือง ส่วนสีอื่น ๆ ก็เป็นสีดำ การผสมก็ไม่ยาก ก็ให้ใช้สีอะคริลิกเทใส่ผสมลงในดินแล้วทำการนวดให้สีนั้นเข้าเป็นเนื้อเดียว กับเนื้อดิน
 
ถ้าในการปั้นต้องการใช้สีอื่น ก็ใช้วิธีการนำดินที่ผสมเป็นแม่สีไว้แล้วมาผสมกันให้ได้สีตามที่ต้องการ แล้วก็ทำการนวดดินให้ผสมเข้ากันเป็นเนื้อเดียว ก็จะได้ดินตามสีที่ต้องการ
 
วิธีการทำ เริ่มจาก...การออกแบบตัวการ์ตูนที่ต้องการจะทำลงบนคอมพิวเตอร์ การออกแบบลงบนคอมพิวเตอร์นั้นสามารถที่จะใส่สีและเห็นสีได้สมจริง แต่ถ้าไม่มีทักษะทางคอมพิวเตอร์จะใช้วิธีร่างแบบลงบนกระดาษก็ได้
 
หลังจากที่ได้แบบการ์ตูนที่ต้องการแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการปั้น โดยนำดินมาผสมให้ได้สีตามแบบที่ออกไว้ โดยการปั้นนั้นจะแบ่งปั้นเป็น 2 ส่วน คือส่วนหัวของการ์ตูน และส่วนตัวของการ์ตูน เริ่มจากปั้นส่วนหัวก่อน จากนั้นก็มาปั้นส่วนตัว หลังจากปั้นเสร็จทั้งสองส่วนก็นำมาประกอบติดเข้าด้วยกัน โดยใช้ลวดเสียบระหว่างส่วนหัวและส่วนตัวเพื่อยึดติด
 
ประกอบตัวการ์ตูนเสร็จแล้วก็ปล่อยทิ้งไว้ให้ดินแห้งสนิท จะนำไปตากแดดหรือจะเข้าห้องอบเพื่อให้ดินแห้งเร็วขึ้นก็ได้ หลังจากที่การ์ตูนแห้งสนิทแล้วก็ให้หยอดกาวที่รอยต่อของส่วนหัวและส่วนตัว เพื่อความแข็งแรงแน่นหนาอีกที
พอกาวแห้งก็ทำการตกแต่งวาดลวดลายหน้าตาและรายละเอียดต่าง ๆ ตัวการ์ตูน การวาดนั้นจะใช้พู่กันจุ่มสีอะคริลิกวาด จากนั้นก็ทำการพ่นแล็กเกอร์เคลือบ
 
ไม่ควรใช้ปากการหมึกซึมในการวาดลวดลาย เพราะเวลาพ่นเคลือบเส้นที่วาดจะแตก ทำให้ดูเลอะ ไม่สวย...
 
พอแล็กเกอร์แห้งก็นำตัวการ์ตูนไปติดกับปักกี้ (จุกกันฝุ่น) ยึดติดด้วยกาวให้แน่นหนา เท่านี้ก็เรียบร้อย
 
แต่ถ้านำตัวการ์ตูนปั้นไปทำเป็นสร้อยคอ หรือตุ้มหู ก็จะต้องใส่ห่วงตั้งแต่ตอนที่ปั้นเสร็จ ตอนที่ดินยังไม่แห้ง
 
“จุกปิดกันฝุ่นโทรศัพท์มือถือ” งานแฮนด์เมดปั้นจากดินญี่ปุ่นของ ปู-นิว มีอยู่ 2 ขนาด ขนาดเล็กราคา 50 บาท ขนาดใหญ่ราคา 65 บาท นอกจากนี้ยังมีสินค้าที่นำดินปั้นมาทำอีกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสร้อยคอ ตุ้มหู ที่ห้อยโทรศัพท์มือถือ ฯลฯ ซึ่งมีราคาขายตั้งแต่ 45-200 บาท โดยราคานั้นขึ้นอยู่กับขนาดและรูปแบบของสินค้า

ใครสนใจงานแฮนด์เมดปั้นดินญี่ปุ่นทำเป็น ’จุกปิดกันฝุ่นโทรศัพท์มือถือ“ และสินค้าอื่น ๆ ของแบรนด์นี้ เข้าไปดูแบบงานได้ที่ http://www.cute-monster.com หรือที่ http://www.facebook.com/cutemonstershop หรือต้องการติดต่อกับเจ้าของกรณีศึกษา ’ช่องทางทำกิน“ รายนี้ทางโทรศัพท์ ก็ติดต่อได้ที่ โทร. 08-0136-6672, 08-7989-0798.

บดินทร์ ศักดาเยี่ยงยงค์

.........................................

คู่มือลงทุน...ตุ๊กตาจุกมือถือ

ทุนเบื้องต้น     ประมาณ 1,000 บาทขึ้นไป
ทุนวัสดุ    ประมาณ 50% ของราคา
รายได้    ราคาชิ้นละ 50-65 บาท
แรงงาน    1 คน
ตลาด    ลงขายทางอินเทอร์เน็ต
จุดน่าสนใจ    สอดรับกับยุคสมัยใช้มือถือ

http://www.dailynews.co.th/article/384/161817

Saturday, October 13, 2012

แนะนำอาชีพ ‘ไก่ทอดจิ้มแจ่ว’

“ไก่ทอด” เป็นอาหารที่นิยมกันในทุกภาค พ่อค้าแม่ค้าที่ทำขายสามารถสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง และมีจำนวนไม่น้อยที่สามารถใช้อาชีพนี้สร้างครอบครัวได้อย่างมั่นคง ซึ่งวันนี้ทีม “ช่องทางทำกิน” มีกรณีศึกษาการทำการขายไก่ทอดสูตรกรอบนอกนุ่มใน และการสร้างกลยุทธ์การขายให้ดึงดูดลูกค้า มานำเสนอให้ลองพิจารณากัน...
 
เสาวภักดิ์ วงศ์ศิริ หรือ มะเฟือง สาววัย 22 ปี เจ้าของร้าน “ไก่ทอดจิ้มแจ่ว” เล่าให้ฟังว่าที่ ครอบครัวทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารมาตั้งแต่ตนเองยังเด็ก เธอจึงคุ้นเคย รู้จุดขายอาชีพนี้พอประมาณ หลังเรียนจบจึงนำเอาความรู้ที่เรียนมาทางด้านคหกรรม มาปรับและพัฒนาให้เข้ากับความชอบของลูกค้า โดยใช้สิ่งที่ครอบครัวทำอยู่มาขยายต่อ
  
“พ่อกับแม่อยากให้ลูกทำงานรับราชการสบาย ๆ เจ็บไข้ได้ป่วยก็เบิกได้ แต่สำหรับความคิดเราอยากจะมีธุรกิจเล็ก ๆ เป็นของตัวเองมากกว่า ก็เคยไปสมัครทำงาน แต่คิดว่าไม่ใช่ตัวเราจึงลาออกมา และฝึกทำไก่ทอด เพราะชอบกิน ก็เลยคิดจะทำขาย สูตรไก่ทอดกรอบนอกนุ่มในนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่ใช้ หรือน้ำมันพืชที่ใช้ทอด แต่ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิของน้ำมันที่ทอดไก่ น้ำมันต้องเดือดและท่วมไก่ แล้วจากไฟแรงสุดก็ลดลงเรื่อย ๆ ที่ร้านจะใส่ใจขั้นตอนการทอดมาก”
  
มะเฟืองบอกว่า เคล็ดลับความสำเร็จในอาชีพนี้ ไม่มีอะไรยุ่งยากและซับซ้อน เพียงแค่เราไม่เอารัดเอาเปรียบลูกค้าในเรื่องราคา และใส่ใจในรสชาติและคุณภาพ เท่านี้ไก่ทอดของเราก็จะขายดิบขายดีจนเกลี้ยงร้านทุกวันได้
  
วัสดุอุปกรณ์หลัก ๆ ที่ใช้ในการทำ ก็มี...เตาแก๊ส, กระทะ, ตะหลิว, ตะแกรง, กะละมัง, ถาดสเตนเลสขนาดใหญ่, กระจาด, คีมคีบ, ลังน้ำแข็ง และเครื่องมือเครื่องไม้อื่น ๆ ให้หยิบยืมเอาจากในครัวได้
  
ส่วนวัตถุดิบ หลัก ๆ ก็มี...เนื้อไก่สด (ตรงส่วนของปีกและตะโพก), ซอสปรุงรส, พริกไทยดำป่น, เกลือ, ซีอิ้วขาว, น้ำมันหอย, กระเทียมโขลก, น้ำตาลทราย, แป้งสาลีอเนกประสงค์, น้ำมันปาล์ม และใบเตย
  
ขั้นตอนการทำ “ไก่ทอด” เริ่มจากนำเนื้อไก่มาล้างให้สะอาด แล้วพักให้สะเด็ดน้ำประมาณ 15-20 นาที จึงนำไก่มาทำการนวดให้ทั่วทุกปีกและตะโพก ขั้นตอนนี้เป็นเคล็ดลับสำคัญซึ่งจะทำให้เนื้อไก่มีความนุ่มละมุนลิ้น อร่อยยิ่งขึ้น
  
ต่อไปเป็นการเตรียมเครื่องปรุง โดยนำรากผักชี กระเทียม และเกลือ มาโขลกรวมกันให้ละเอียด ตั้งพักไว้
  
ขั้นตอนการหมักไก่ ให้นำซอสปรุงรส ซีอิ้วขาว น้ำมันหอย พริกไทยดำป่น น้ำตาลทรายนิดหน่อย และรากผักชี-กระเทียม-เกลือที่โขลกเตรียมไว้ ผสมคลุกเคล้ากับไก่ให้เข้ากันจนทั่ว นำไก่แบ่งใส่ถุงขนาดพอประมาณผูกปากถุง แช่เย็นไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อให้เครื่องปรุงเข้าถึงเนื้อไก่
  
เมื่อจะทอดไก่ ก็นำไก่ที่หมักไว้เทใส่กะละมัง กระจายให้ทั่ว นำแป้งสาลีอเนก ประสงค์โรยใส่ให้ทั่วพอประมาณ คลุกเคล้าไก่และแป้งเบา ๆ พอให้เข้ากัน จากนั้นก็เตรียมทอดได้เลย โดยการทอดก็ตั้งกระทะ เทน้ำมันที่ใช้สำหรับทอดไก่ลงไปมากพอประมาณ รอจนน้ำมันเดือดจัด นำไก่ที่เตรียมไว้ลงทอด พร้อมกับใบเตยหั่นท่อน คอยใช้ตะหลิวคนกลับไก่เพื่อไม่ให้ติดกระทะ และเพื่อให้สุกทั่วกัน เมื่อไก่ที่ทอดมีสีเหลือง กรอบ ก็นำขึ้นมาพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน พร้อมขาย
  
ทีเด็ดอีกอย่างในการขายไก่ทอดคือน้ำจิ้ม ที่ร้านนี้จะเป็น “น้ำจิ้มแจ่ว” รสแซบ ส่วนผสมที่ใช้ก็มี พริกป่น และข้าวคั่ว ที่ทำเองใหม่ ๆ, น้ำตาลปี๊บ, น้ำปลา, น้ำมะขามเปียกต้ม หอมแดง ต้นหอม ผักชีฝรั่ง วิธีทำ...ผสมน้ำตาลปี๊บ น้ำปลา และน้ำมะขามต้มสุก เข้าด้วยกัน ชิมรสดูให้ได้รสเปรี้ยว เค็ม หวาน (ตามชอบ) จากนั้นใส่พริกป่น ข้าวคั่ว คนให้เข้ากัน ใส่หอมแดงซอย ต้นหอมและผักชีฝรั่งหั่น ก็จะได้น้ำจิ้มแจ่วใช้รับประทานกับไก่ทอด และข้าวเหนียว
   
ราคาขายไก่ทอดเจ้านี้ ชิ้นปีกราคาปีกละ 13 บาท ชิ้นตะโพกราคา 35 บาท โดยมีต้นทุนประมาณ 60% ของราคา
 
“ไก่ทอดจิ้มแจ่ว” เจ้านี้ ขายวันเสาร์-อาทิตย์ที่ตลาดน้ำคลองลัดมะยม เขตตลิ่งชัน และขายตามงานต่าง ๆ ตามแต่โอกาส นอกจากนี้ยังรับออกบูธงานเลี้ยง-งานสังสรรค์ด้วย ซึ่งใครต้องการติดต่อกับมะเฟืองก็ติดต่อได้ที่ โทร.08-2235-2959, 08-5236-5714 ทั้งนี้ อาชีพ “ขายไก่ทอด” นี่ก็เป็นอีกหนึ่ง “ช่องทางทำกิน” ที่มีทุนน้อยก็สามารถทำขายได้.

เชาวลี  ชุมขำ : เรื่อง / พิชญวัฒน์ ปรุงศักดิ์ : ภาพ

..........................................
              
คู่มือลงทุน…ไก่ทอดจิ้มแจ่ว

ทุนอุปกรณ์    ขึ้นอยู่กับขนาด-รูปแบบร้าน
ทุนวัตถุดิบ    ประมาณ 60% ของราคา
รายได้    ราคาชิ้นละ 13 และ 35 บาท              
แรงงาน        1 คนขึ้นไป
ตลาด        ย่านค้าขายอาหารทั่ว ๆ ไป
จุดน่าสนใจ    ทำไม่ยาก, มีทุนน้อยก็ขายได้          

http://www.dailynews.co.th/article/384/160711

Friday, October 12, 2012

แนนำอาชีพ 'ตุ๊กตาหน้าแปลก'

ชิ้นงานของที่ระลึก ของขวัญ ตลาดเติบโตและมีไอเดียหลากหลายเกิดขึ้นตลอด ยิ่งผสานกับการขยายตัวและความนิยมที่เพิ่มสูงขึ้นของการใช้ช่องทางจำหน่าย ผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ก ชิ้นงานน่าสนใจก็ออกสู่ตลาดได้มากขึ้น อย่างเช่นงาน ’ตุ๊กตาหน้าแปลก“ ของสาว ๆ 5 คนที่รวมกลุ่มกันทำ นี่ก็เป็นอีกกรณีศึกษา ’ช่องทางทำกิน“ ที่น่าพิจารณา...
สาว ๆ 5 คนรวมกลุ่มกันผลิตสินค้า “ตุ๊กตาหน้าแปลก” ในชื่อ “วีอาร์ดอลส์ (VRdools)”  โดย ปิยะมาศ อนุสิ ตัวแทนของกลุ่ม เล่าว่า เธอและเพื่อนรวมกลุ่มช่วยกันคิดออกแบบและประดิษฐ์ชิ้นงานนี้ขึ้น โดยทั้งหมดเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียนศิลปกรรมที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี ราชมงคลธัญบุรี คลองหก โดยกลุ่มประกอบด้วย เอื้อมพร ใจใส, วันวิสาข์ แซ่หอ, วรรณวิไล พันธ์เณร, อังคนงค์ สมหวัง และตัวเธอ ซึ่งแต่ละคนมีงานประจำทำอยู่ก่อนแล้ว

งานประจำที่ทำกันส่วนใหญ่ก็เป็นงานตามสาขาที่ได้เรียนมา คือเกี่ยวกับศิลปะ แต่ที่ทางกลุ่มชอบตรงกันคือ งานจากผ้า งานเย็บชนิดต่าง ๆ และมักนำชิ้นงานที่ทำสำเร็จไปมอบเป็นของขวัญให้เพื่อนและคนรู้จัก จนมีคนแนะนำว่าน่าจะลองทำขาย จึงได้ลองทำขายที่ถนนคนเดินบนเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี จนถึงตอนนี้เป็นปีที่ 3 แล้ว

“ผลตอบรับดีขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเราจะทำผลงานกันออกมา 5 สไตล์ และไม่ทำซ้ำออกมาขาย จะออกแบบใหม่อยู่ตลอด ยกเว้นลูกค้าอยากได้ตัวที่เคยทำเพิ่มเติม หลังจากนั้นเพื่อนก็คิดกันว่าน่าจะลองเพิ่มช่องทางกระจายผลงานผ่าน
เฟซบุ๊ก จึงลองดู ก็ปรากฏว่าสินค้ากลายเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้นอีก” ปิยะมาศกล่าว

สินค้าที่ทำขึ้นนั้น ปิยะมาศบอกว่า ใช้ชื่อสินค้าว่า VRdools มาจาก we are doll ซึ่งก็แปลตรงตัวถึงความชื่นชอบของกลุ่ม ส่วนช่องทางจำหน่ายสินค้าผ่านเฟซบุ๊กนั้น คือ www.facebook.com/VRdolls.handmade โดยในการจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางนี้ ปิยะมาศแนะนำว่า การขายในเฟซบุ๊กมีข้อดีคือ ไม่ต้องลงทุนเปิดร้าน และทำให้ชิ้นงานเป็นที่รู้จักในวงกว้าง แต่ข้อควรระวังก็คือ การถูกนำไปทำซ้ำหรือเลียนแบบ ซึ่งต้องคอยหมั่นตรวจสอบอยู่เสมอ

ชิ้นงานที่ทำอยู่ มีตั้งแต่ ตุ๊กตา พวงกุญแจ หัวดินสอ เข็มกลัด และแม่เหล็กติดตู้เย็น กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพราะขายในแหล่งท่องเที่ยว แต่ก็มีลูกค้ากลุ่มวัยรุ่น วัยทำงาน สลับเข้ามาตลอด ลูกค้าก็มีทั้งซื้อชิ้นงานสำเร็จรูป และสั่งทำขึ้นใหม่ เพื่อนำไปเป็นของขวัญ จุดเด่นชิ้นงานอยู่ที่รูปแบบตุ๊กตา ที่มีหน้าตาและแบบไม่ซ้ำกัน

ทุนเบื้องต้น ใช้เงินลงทุนประมาณ 7,000 บาท ในกรณีเย็บตุ๊กตาด้วยมือ แต่ถ้ามีจักรเย็บผ้าด้วยต้นทุนก็จะสูงขึ้นตามราคาของจักรที่ใช้  ส่วนทุนเฉพาะในส่วนของวัตถุดิบ อยู่ที่ประมาณ 30% จากราคาขาย โดยสินค้ามีราคาขายเริ่มตั้งแต่ 50 บาท ไปจนถึง 400 บาท ขึ้นอยู่กับชนิดและขนาดของสินค้า

วัสดุอุปกรณ์ ประกอบด้วย จักรเย็บผ้า, เข็มกับด้ายสีต่าง ๆ, กรรไกร, ผ้าสีและลวดลายต่าง ๆ, กาวยาง และสมุดร่างแบบ, อุปกรณ์ตกแต่ง อาทิ กระดุมผ้าลูกไม้ โบ-ริบบิ้น ลูกตาปลอม ใยโพลีเอสเตอร์  โซ่ไข่ปลา หรือห่วงพวงกุญแจ

ขั้นตอนการทำ เริ่มจากออกแบบโดยวาดรูปแบบที่คิดไว้ลงบนสมุดวาดแบบร่าง จากนั้นทำแพตเทิร์นในกรณีที่ต้องการทำตุ๊กตาแบบเดียวกันหลายตัว หากเป็นการทำชิ้นเดียวก็สามารถขึ้นชิ้นงานด้วยการวาดแบบลงผ้าได้เลย

เมื่อได้แบบแล้ว ก็ทำการตัดผ้าตามแบบ แล้วเย็บตามเส้นร่างที่วาดไว้ ถ้าจะต่อชิ้นส่วนของตัวตุ๊กตาเลยก็ให้เย็บต่อกันในส่วนนี้ แต่ถ้าต้องการต่อตัวตุ๊กตาตอนเสร็จก็อาจตัดผ้าไว้หลาย ๆ ชิ้นก่อน แล้วจึงค่อยเย็บขึ้นชิ้นงานตอนหลังทีเดียว ทำการกลับตะเข็บ ยัดใยโพลีเอสเตอร์ให้อ้วนฟู ทำการเย็บทุกชิ้นส่วนประกอบกัน และตกแต่งชิ้นงาน เป็นอันเสร็จ

“ถ้าใช้ของดี ทุนก็จะสูงหน่อย แต่จริง ๆ หากไม่ต้องการลงทุนสูง วัสดุอุปกรณ์ราคากลาง ๆ ก็พอใช้ได้ งานนี้ขึ้นอยู่กับการขายไอเดียเป็นสำคัญ อีกอย่างที่อยากเน้นคือ คนที่สนใจคิดจะยึดงานแบบนี้เพื่อทำเป็นอาชีพหลักหรืออาชีพเสริม ต้องประณีต ใจเย็น สนุกกับงานให้มาก และต้องมีความคิดสร้างสรรค์ อย่าลอกเลียนผลงานคนอื่น” ปิยะมาศกล่าว
ใครสนใจ ’ตุ๊กตาหน้าแปลก“ ก็ลองเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ตามช่องทางที่ว่ามาข้างต้น หรือต้องการติดต่อกับกลุ่มที่ทำทางโทรศัพท์ติดต่อได้ที่ โทร.08-9649-3848, 08-3591-9588, 08-1397-9699 หรือติดต่อผ่านทางอีเมลได้ที่ doll_handmade2011@hotmail.com ซึ่งนี่ก็เป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษา ’ช่องทางทำกิน“ ที่น่าสนใจไม่น้อยเลย.

http://www.dailynews.co.th/article/384/160506

Saturday, October 6, 2012

แนะนำอาชีพ ‘ถุงผ้าปักริบบิ้น’

“ถุงผ้าปักริบบิ้น” เป็นอีกงานประดิษฐ์ที่ทีม “ช่องทางทำกิน” ไปเก็บข้อมูลมาจากงาน “ตลาดนัดภูมิปัญญาไทย สร้างอาชีพ เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ” ซึ่งจัดที่อาคารใหม่ สวนอัมพร เขตดุสิต โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งในงานก็มีผู้ให้ความสนใจเข้ารับการอบรมเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นคนหนุ่มสาว หรือผู้สูงอายุที่เป็นผู้ร่วมงานกลุ่มหลักของกิจกรรมนี้ วันนี้เรามาดูข้อมูลกัน...
                      
จินตนา สง่า อาจารย์จากคณะคหกรรมศาสตร์ วิทยาลัยสารพัดช่างธนบุรี ซึ่งเป็นวิทยากรอบรม เล่าว่า เธอจะสอนงาน “ถุงผ้าปักริบบิ้น” ตอนที่ออกงานกับหน่วยงานราชการ ซึ่งงานปกติที่วิทยาลัยฯนั้นสอนการตัดเย็บเสื้อ เย็บปลอกหมอน เย็บกระเป๋า อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากออกงานที่สวนอัมพรแล้ว ปรากฏว่ามีผู้เข้าร่วมอบรมโทรศัพท์มาขอเรียนเพิ่มเติม ซึ่งก็ให้ทุกคนรวมตัวกันมาเรียนที่วิทยาลัยฯ
  
สำหรับที่มาของงานปักริบบิ้นนั้น  อ.จินตนา เล่าว่า เมื่อหลายปีก่อน เธอได้ไปบ้านลูกศิษย์คนหนึ่งที่สนิทกัน และไปพบว่าบ้านของลูกศิษย์นี้มีหมอนอิงปักริบบิ้นรูปดอกไม้  แต่เป็นของต่างประเทศ  ซึ่งราคาค่อนข้างแพง เธอจึงได้ไอเดียนี้มาลองทำดูด้วยตัวเอง ด้วยริบบิ้นผ้าของไทย ซึ่งก็ทดลองทำอยู่นาน  ลองทำหลาย ๆ วิธี จนได้ออกมาเป็นวิธีที่ง่าย ได้ลวดลายที่สวยงาม และก็มีการสอนนอกหน่วยงานไม่กี่ครั้ง ซึ่งก็มีลูกศิษย์ติดใจตามมาเรียนเพิ่มที่วิทยาลัยฯ  
  
วัสดุในการทำ “ถุงผ้าปักริบบิ้น” หลัก ๆ ก็มี ผ้าเนื้อโปร่ง อาทิ ผ้าฝ้าย ผ้าไหม หรือผ้าลินิน เลือกอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ ขนาดกว้าง 6.5 นิ้ว ยาว 16 นิ้ว พับครึ่ง ใช้ส่วนของครึ่งผ้าด้านใดด้านหนึ่งสำหรับปัก, ริบบิ้นผ้าสีต่าง ๆ (ขนาดกว้าง  0.5 ซม.) ไหมสีต่าง ๆ, ใยโพลีเอสเตอร์       
  
ส่วนอุปกรณ์ ได้แก่ สะดึง, เข็มปักครอสสติตช์ และปากกาเขียนลายผ้า
  
วิธีทำ เตรียมผ้าตามขนาดข้างต้น เลือกด้านใดด้านหนึ่ง จากนั้นใช้ปากกาเขียนลายลงบนผ้า ซึ่งจะขึ้นโครงลายเป็นรูปหัวใจ หรือกิ่งไม้ หรือรูปตัวอักษรภาษาอังกฤษ ก็ได้ตามต้องการ แต่ในโครงลายนั้น ๆ จะมีรูปโครงดอกไม้ซ้อนอยู่ข้างในอยู่ด้วย การวาดรูปโครงดอกไม้นั้น วิธีการคือวาดคล้าย ๆ รูปดาว ซึ่งอาจจะมี 7 แฉก หรือ 5 แฉก หรือ 3 แฉก สุดแท้แต่ ซึ่งแฉกเหล่านี้จะเป็นส่วนขาดอก
  
สำหรับโครงดอกไม้ที่วาดคล้ายรูปดาวที่มีขนาดใหญ่หน่อย อ.จินตนาแนะนำให้ใช้ปากกาวาดรูปวงกลมล้อมรอบรูปดาวนั้นด้วย และให้เย็บไหมเส้นเล็กทับลงบนเส้นแฉกดาว (ขาดอก) ด้วย เพื่อความสะดวกในการเย็บปักดอกไม้ในขั้นตอนต่อไป ส่วนถ้าเป็นดาวเล็กไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเติมขั้นตอนการปัก อ.จินตนาอธิบายว่า เริ่มที่สนเข็มปักครอสสติตช์กับริบบิ้นผ้าที่มีความยาว 1 ฟุต มัดปมริบบิ้นด้านใดด้านหนึ่ง จากนั้นแทงเข็มจากด้านหลังขึ้นมาตรงกลางดอกหรือกลางดาว สอดริบบิ้นเข้าไปใต้ขาดอกเส้นใดเส้นหนึ่ง  ดึงขึ้น แล้วหมุนริบบิ้น เว้นไป 1 ขา แล้วร้อยเข้าไปใต้ขาถัดไป ดึงขึ้น แล้วหมุน เว้นไป 1 ขา ร้อยเข้าไปใต้ขาถัดไป ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนเต็มดอก
  
กรณีดอกไม้ดอกเล็ก ให้สนเข็มปักครอสสติตช์กับริบบิ้นผ้าแบบเดียวกับข้างต้น แทงเข็มจากด้านหลังขึ้นมากลางดอก แล้วปักริบบิ้นไปตามรอยวาดรูปดอกไม้ที่วาดไว้ จนรอบดอก แต่ไม่ต้องหมุนริบบิ้น ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนครบลายที่วาดเตรียมไว้ ส่วนลายเส้นที่เป็นรูปหัวใจ รูปกิ่งไม้ หรือรูปตัวอักษรภาษาอังกฤษ อ.จินตนาแนะนำให้เย็บริบบิ้นด้วยวิธีการด้นถอยหลังไปตามรอย
  
เสร็จขั้นตอนที่ว่ามาแล้ว ก็นำใยโพลีเอสเตอร์ตัดขนาดเท่ากับผ้า เย็บติดกับผ้าปิดลายด้านหลัง เพื่อปกปิดเศษริบบิ้นอีกด้านที่ไม่เรียบร้อย จากนั้นพับครึ่งประกบให้เป็นถุงแล้วเย็บริมผ้าทั้ง 3 ด้านให้เรียบร้อย และเย็บเชือกไนลอนเล็กกับปากถุงผ้า 2 ด้านให้เป็นสายสะพาย เท่านี้ก็จะได้ “ถุงผ้าปักริบบิ้น”
  
ราคาขายนั้น อ.จินตนาบอกว่า ขายได้ในราคาใบละประมาณ 300 บาท โดยมีต้นทุนอยู่ที่ประมาณ 100 บาท
                    
สนใจเรื่องการทำ “ถุงผ้าปักริบบิ้น” และวิชาชีพการตัดเย็บอื่น ๆ สำหรับเป็น “ช่องทางทำกิน” ต้องการติดต่อ อ.จินตนา สง่า ติดต่อได้ที่คณะคหกรรมศาสตร์ วิทยาลัยสารพัดช่างธนบุรี เลขที่ 159 ถนนเชียงใหม่ แขวง/เขตคลองสาน กรุงเทพฯ หมายเลขโทรศัพท์ 0-2437-5371 ต่อ 118 หรือ 08-6891-4637.

สุภารัตน์ ยอดศิริวิชัยกุล : รายงาน

..........................................

คู่มือลงทุน...ถุงผ้าปักริบบิ้น

ทุนอุปกรณ์    ไม่เกิน 1,000 บาท  
ทุนวัสดุ    ประมาณ 100 บาท/ถุง  
รายได้     ราคาขาย 300 บาท/ถุง  
แรงงาน    1 คนขึ้นไป
ตลาด    รับสั่งทำ, หาแหล่งขายส่ง
จุดน่าสนใจ    ทำขายเป็นอาชีพเสริมได้  


http://www.dailynews.co.th/article/384/159328

Friday, October 5, 2012

แนะนำอาชีพ ‘ตุ๊กตาสวิตช์ไฟ’

สินค้างานแฮนด์เมด นอกจากจะต้องมีไอเดียความคิดสร้างสรรค์ คิดสินค้าออกมาให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแล้ว ตัวสินค้าที่โดดเด่นสะดุดตาผู้ซื้อ ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญ เพราะจะทำให้ลูกค้าจดจำสินค้า และสนใจซื้อสินค้า อย่างงาน “ตุ๊กตาสวิตช์ไฟฟ้า” ที่เป็นแม็กเน็ต ที่เป็นการสร้างสรรค์โดยนำสวิตช์ไฟฟ้ามาทำเป็นตุ๊กตา เป็นงานไอเดียที่น่าสนใจ โดยเจ้าของกรณีศึกษา “ช่องทางทำกิน” รายนี้บอกว่า “งานที่เป็นงานแฮนด์เมด ถ้าเราทำก็จะต้องคงคำว่างานแฮนด์เมดไว้ คือเราต้องทำด้วยมือทุกขั้นตอน” ซึ่งวันนี้เรามาดูกันว่างานแฮนด์เมด “ตุ๊กตาสวิตช์ไฟฟ้า” นี้เป็นอย่างไร...

มะกอก-ศุกฤษ จันทร์เพ็ญ และ ยิ่ง-ยิ่งยศ พูลเพิ่มทรัพย์ ช่วยกันสร้างสรรค์ผลงานแฮนด์เมด “ตุ๊กตาสวิตซ์ไฟฟ้า” ออกสู่ตลาด ภายใต้แบรนด์ “Man by Head” โดยมะกอกเล่าว่า ตนนั้นเรียนจบมาทางด้านออกแบบตกแต่งภายใน แล้วพอจบออกมาก็เข้าทำงานเป็นพนักงานออฟฟิศ แต่ทำอยู่ได้ระยะหนึ่งก็เริ่มรู้สึกเบื่องานประจำ เพราะค้นพบว่าไม่ใช่ตัวตนของตัวเอง เพราะเป็นคนที่รักอิสระ จึงตัดสินใจออกจากงานประจำมารับงานเอง เป็นอิสระมากขึ้น
หลังจากออกมารับงานเองก็ไม่วายต้องพบเจอปัญหาเรื่องคนเยอะแยะ จึงมองหางานอื่น ก็มานั่งคิดว่าจะทำอะไรดีที่มีเวลาอยู่กับลูกมากขึ้น จนที่สุดก็มาจับงานแฮนด์เมดซึ่งชอบอยู่แล้ว “ตุ๊กตาสวิตช์ไฟฟ้า” จึงถูกสร้างสรรค์ขึ้นมา
“เรามองเจ้าสวิตช์ไฟฟ้าเหมือนหน้าคนมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว จึงเอาความคิดนั้นมาสร้างสรรค์เป็นงานออกมาขาย แต่กว่าที่จะลงมือทำเจ้าตุ๊กตาสวิตช์ไฟฟ้าก็ใช้เวลาอยู่ประมาณ 1-2 เดือน ในการออกแบบคิดงาน ให้งานออกมาดูดี น่ารักลงตัว และมีเอกลักษณ์เป็นแบบฉบับของเราเอง พอคนเห็นก็จะรู้ทันทีว่าเป็นงานของเรา” มะกอกกล่าว
หลังจากที่ออกแบบจนเป็นที่น่าพอใจแล้ว ก็ไปทำการ “จดสิทธิบัตร” จากนั้นก็ลงมือสร้างชิ้นงาน โดยใช้เงินลงทุนตอนแรก 30,000 กว่าบาท ในการซื้อวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ มาทำ
เมื่อทำผลงานออกมาสู่ตลาดแล้ว เพื่อนหลายคนก็บอกว่าเป็นงานที่น่ารักดี จากนั้นก็เอาไปวางขายที่ตลาดสวนรถไฟ แรก ๆ ก็ยังไม่มีคนสนใจเท่าไหร่ แต่เพราะเชื่อว่างานที่ทำขึ้นต้องขายได้ จึงไม่ท้อ และพยายามขายต่อไป จนที่สุดสินค้าของมะกอกก็เริ่มได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี มีลูกค้าติดต่อเข้ามาสั่งซื้อมาก
นอกจากตุ๊กตาสวิตช์ไฟฟ้า มะกอกก็ยังสร้างสรรค์นาฬิกาน่ารัก ๆ ออกมาจำหน่ายคู่กันไปด้วย ซึ่งก็ได้รับการตอบรับจากลูกค้าดีไม่แพ้กัน
“งานทุกชิ้น การ์ตูนทุกตัวที่เราทำ จะออกแบบเองทั้งหมด” ...มะกอกกล่าว
สำหรับ “ตุ๊กตาสวิตช์ไฟฟ้า” วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในทำ หลัก ๆ ก็มี... สวิตช์ไฟฟ้า, หลอดไฟ LED, ถ่านนาฬิกาข้อมือ (ก้อนแบนเล็ก), ไม้ MDF, เลื่อยฉลุ, สีโปสเตอร์, แม่เหล็ก, เคลียร์สเปรย์ (สำหรับพ่นเคลือบเงา) เป็นต้น
“ที่ใช้สีโปสเตอร์ เพราะสีโปสเตอร์นั้นมีลักษณ์ของเนื้อสีที่บาง เวลาทาลงบนเนื้อไม้จะเรียบบาง ไม่หนา เกาะติดไม้ได้ดี ติดทนนาน” มะกอกกล่าว
ขั้นตอนการทำ เริ่มจาก... ออกแบบก่อน ซึ่งเป็นขั้นตอนที่สำคัญ โดยจะต้องออกแบบให้สัดส่วนระหว่างส่วนหัวและส่วนตัวของตุ๊กตาที่จะทำนั้นลง ตัว มีสัดส่วนที่เหมาะสม ดูแล้วสวยน่ารัก ดูเป็นตัวการ์ตูน พอออกแบบตัวตุ๊กตาเสร็จแล้วจากนั้นก็เริ่มลงมือทำ
เริ่มจากการประกอบส่วนหัวที่เป็นสวิตช์ไฟฟ้าก่อน โดยการต่อวงจรไฟฟ้า ใช้หลอดไฟ LED สีแดง 2 หลอด วางและเชื่อมต่อเข้ากับสวิตช์ไฟฟ้า เปิด-ปิดไฟได้ โดยใช้ถ่านนาฬิกาเป็นตัวให้พลังงาน
หลังจากที่ทำส่วนหัวที่เป็นสวิตช์ไฟฟ้าเสร็จแล้ว ก็มาลงมือทำส่วนตัวตุ๊กตา โดยนำแบบที่ออกแบบไว้ไปวางทาบลงบนไม้ MDF ใช้ดินสอร่างตามแบบ แล้วก็ใช้เลื่อยฉลุทำการตัดตามแบบที่ร่างไว้ ตัดตามแบบเสร็จก็ใช้กระดาษทรายขัดลบเสี้ยน ขัดให้ผิวไม้เรียบ
ขั้นตอนต่อไปเป็นขั้นตอนการลงลวดลาย ลงสี บนส่วนตัวของตัวตุ๊กตา เริ่มจากวาดลวดลายตามแบบที่ต้องการลงไปก่อน จากนั้นก็ลงสี เมื่อลงสีเสร็จทิ้งไว้ให้สีแห้งสนิท จากนั้นก็พ่นเคลียร์เคลือบเงา พอเคลียร์แห้งก็นำส่วนหัวที่เป็นสวิตช์ไฟฟ้ามาติดประกอบเข้ากับส่วนตัว ตุ๊กตา ใช้กาวร้อนยึดติดให้แน่น ติดแม่เหล็ก 2 ชิ้นไว้ด้านหลัง เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
ตุ๊กตาสวิตช์ไฟฟ้า แม็กเน็ต Man by Head มีหลายแบบหลายลาย หรือลูกค้าจะสั่งวาดตามแบบที่ต้องการก็ได้ โดยมีราคาขายอยู่ที่ 150 บาทต่อตัว แต่ถ้าสั่งซื้อ 20 ตัวขึ้นไปจะซื้อได้ในราคาตัวละ 100 บาท ส่วนนาฬิกาแบบต่าง ๆ ที่มีการทำขายด้วย มีราคาตั้งแต่ 250 บาท ถึง 400 บาท

ใครสนใจ “ตุ๊กตาสวิตช์ไฟฟ้า” ที่เป็นแม็กเน็ต หรือนาฬิกาแบบต่าง ๆ แวะไปดูไปชมผลงานเพิ่มเติมได้ที่ตลาดนัดสวนจตุจักร โครงการ 26 ซอย 34/7 หรือที่ Facebook : ManByHead หรือถ้าจะสั่งทำหรือสั่งไปจำหน่ายต่อเป็น “ช่องทางทำกิน” อีกสเต็ปหนึ่ง ก็โทรฯไปพูดคุยสอบถามได้ที่ โทร.09-0653-3389, 09-0981-2960

บดินทร์ ศักดาเยี่ยงยงค์ : รายงาน

คู่มือลงทุน...ตุ๊กตาสวิตช์ไฟฟ้า
ทุนเบื้องต้น    ประมาณ 30,000 บาทขึ้นไป
ทุนวัสดุ        ประมาณ 50% ของราคา
รายได้        ราคา 100-150 บาท/ชิ้น
แรงงาน        1 คนขึ้นไป
ตลาด        กลุ่มแฮนด์เมด, ขายผ่านเน็ต
จุดน่าสนใจ    คิดทำเอกลักษณ์สร้างจุดขาย

http://www.dailynews.co.th/article/384/159090