Sunday, September 6, 2009

แนะนำอาชีพ "น้ำพริกตาแดง-น้ำพริกอ่อง"

สูตรน้ำพริกตาแดง-น้ำพริกอ่อง

ข้าวสวยร้อนๆทานกับน้ำพริกตาแดง-น้ำพริกอ่องแสนอร่อย ทำกินในครอบครัวก็แจ๋ว หรือจะทำขายก็เจ๋ง


@น้ำพริกตาแดง

เครื่องปรุง พริกแห้งเลือกเม็ดแดง ๆ สัก ๗-๑๐ เม็ด ปลาย่าง ๑ ตัว หัวหอม ๒ หัว กะเทียม ๑ หัว ปลาร้า ๑ ช้อนโต๊ะ เกลือ (จะใส่กะปิก็ได้ ๑/๒ โต๊ะ)
วิธีทำ เอาพริกเสียบไม้ ย่างไฟสูง ๆ เรียกว่า "พิงไฟ" พอกรอบและหอมอย่าให้ดำ แล้วเอาหัว กะเทียมหัวหอมหมกไฟพอสุก แกะเปลือกออก กะปิย่างไฟ ปลาร้าสับห่อใบตองหมกไฟให้สุก ปลานั้นนำไปปิ้งไฟให้หอมเอาเครื่องปรุงทุกอย่างโขลกด้วยกันให้ละเอียด จนมีลักษณะเหนียว อาจเก็บไว้ในกระปุก ซึ่งสมัยก่อนมักเอาใบตองแห้งห่อไว้ สามารถเก็บไว้ได้นานเป็นเดือน

เนื่องจากน้ำพริกแดงสามารถเก็บไว้ได้นาน จึงนิยมนำไปกินในทุ่งนา ป่า ไร่ สวน หรือการเดินทางไกล เมื่อเก็บไว้นานอาจมีลักษณะแห้ง ดังนั้นเมื่อจะรับประทานจะเอาน้ำใส่แล้วคนให้มีลักษณะเหนียวหรืออาจบีบเอา น้ำจากผลมะกอกเติมก็ได้ โดยทั่วไปการกินน้ำพริกแดงจะต้องมีผักนึ่งเช่นผักกาด กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก ถั่วผักยาว ถั่วพู มะเขือ อาจมีชิ้นปิ้ง คือเนื้อปิ้ง บ้างชอบรับประทานพร้อมกับจอผักกาด

พบว่าน้ำพริกตาแดง ในปริมาณ ๑๐๐ กรัม มี ๑๔๗.๓๗ แคลอรี โปรตีน ๑๐.๑๔ กรัม ไขมัน ๕.๒๒ กรัม คาร์โบไฮเดรท ๑๔.๙๔ กรัม แคลเซียม ๙๗.๔๘ มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส ๑๗๙.๗๙ มิลลิกรัม เหล็ก ๗.๔๑ มิลลิกรัม วิตามินเอ ๑๕๓๙.๘๗ อาร์อี วิตามินบีหนึ่ง ๐.๑๐ มิลลิกรัม วิตามินบีสอง ๐.๒๕ มิลลิกรัม ไนอะซิน ๓.๒๓ มิลลิกรัม และ วิตามินซี ๑๐.๕๐ มิลลิกรัม

@น้ำพริกอ่อง

เครื่องปรุง เนื้อหมู ๒ ขีด พริกแห้ง ๓-๕ เม็ด กระเทียม ๓-๔ กลีบ หัวหอม ๒ หัว มะเขือเทศลูกใหญ่สัก ๒-๓ ลูก ถ้าอย่างลูกเล็กประมาณขีดครึ่ง ปลาร้า ๑ ครึ่งช้อนโต๊ะ เกลือ ครึ่งช้อนโต๊ะถั่วเน่าแข็บ(ถั่วเน่าแผ่น)ครึ่งแผ่น บางคนจะใช้กะปิแทนปลาร้าสับละเอียด ผักชี รากผักชีต้นหอม น้ำมันหมู

วิธีทำ ย่างถั่วเหลืองแผ่นให้สุกเสียก่อน ทิ้งไว้ให้กรอบ นำพริกแห้ง หัวหอม กระเทียม และรากผักชีโขลกพร้อมกัน เมื่อแหลกดีแล้วเอากะปิหรือปลาร้า และถั่วเน่าแข็บ (ถั่วเน่าแข็บ คือถั่วเหลืองต้มเปื่อยหมักแล้วบดละเอียด ทำเป็นแผ่น ๆ ตากแห้ง ชาวไทยใหญ่นิยมใช้แทนกะปิ) ใส่ลงไปโขลกให้เข้ากัน ส่วนเนื้อหมูสับให้ละเอียด มะเขือเทศหั่นหรือใส่ครกบด แล้วตั้งกะทะใส่น้ำมัน เอากระเทียมลงเจียวพอหอมแล้วเอาน้ำพริกลงผัด เอาเนื้อหมูใส่ และมะเขือเขือเทศใส่ตาม เติมน้ำพอสมควรแล้วชิมดูสุกแล้วยกลงผักชีโรยหน้า บางสูตรจะเอาหมูลงผัดก่อนแล้วจึงตามด้วยเครื่องปรุงและมะเขือเทศภายหลัง บางสูตรจะเอาเนื้อหมู เครื่องปรุง และมะเขือเทศโขลกรวมกันก่อนลงผัด บางสูตรจะย่างพริกแห้งให้หอมก่อนโขลกรวมเครื่องแกง

อย่างไรก็ตามลักษณะเด่นของน้ำพริกอ่องคือ มีสีส้ม(สีมะเขือเทศและพริกแห้ง) ข้นเป็นน้ำขลุกขลิก มีน้ำมันลอยหน้าเล็กน้อย มีสามรส คือ เปรี้ยว เค็ม เผ็ดเล็กน้อย และรสหวานตาม การกินน้ำพริกอ่องต้องมีผักจิ้ม เช่น มะเขือเปราะ ถั่วผักยาว ผักกาดขาว ต้นหอม ผักชี ถั่วพู กะหล่ำปลี แตงกวา จะลวกหรือกินสดก็ได้ อาจมีแคบหมูมากินด้วยก็ยิ่งดี

พบว่าน้ำพริกอ่องในปริมาณ ๑๐๐ กรัม มี ๑๔๔.๙๔ แคลอรี โปรตีน ๑๐.๒๓ กรัม ไขมัน ๙.๐๐ กรัม คาร์โบไฮเดรท๕.๗๓ กรัม แคลเซียม ๖๒.๑๒ มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส ๘๐.๔๙ มิลลิกรัม เหล็ก ๒.๒๕ มิลลิกรัม วิตามินเอ ๓๒๙.๘๓ อาร์อี วิตามินบีหนึ่ง ๐.๒๙ มิลลิกรัม วิตามินบีสอง ๐.๑๕ มิลลิกรัม ไนอะซิน ๓.๐๙ มิลลิกรัม และ วิตามินซี ๔.๕๔ มิลลิกรัม

ที่มา http://www.oknation.net/blog/mahoo/2009/09/04/entry-1