Monday, April 19, 2010

แนะนำอาชีพ"แปรรูปน้ำมันมะพร้าว "

เป็นอาชีพที่เหมาะกับคนที่มีสวนมะพร้าว
น้ำมันมะพร้าว...น้ำมันสารพัดประโยชน์ที่อยู่คู่ไทยมานาน ด้วยเห็นถึงคุณประโยชน์ของน้ำมันมะพร้าว ผศ.ดร.เพ็ญศรี ศรีวับ อาจารย์ประจำสาขาวิชาเคมีอุตสาหกรรม คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย (มทร.ศรีวิชัย) วิทยาเขตนครศรีธรรมราชไสใหญ่ จึงคิดต่อยอดและสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยการนำสาร สกัดจากพืช ผัก ผลไม้ มาเป็นส่วนผสมในการผลิตน้ำมันมะพร้าว

ผศ.ดร.เพ็ญศรี กล่าวว่า น้ำมัน มะพร้าวเป็นน้ำมันพืชจากธรรมชาติที่ปราศจากสารเคมีสังเคราะห์ใด ๆ เจือปน จนได้รับการยกย่องว่า เป็นน้ำมันที่มีคุณค่า ต่อสุขภาพมากที่สุด เพราะมีการวิจัยพบว่า ช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน ป้องกันโรคติดเชื้อ ที่รักษาไม่ได้โดยยาปฏิชีวนะธรรมดา ทั้งยังป้องกันการเกิดโรคหัวใจ และยังสามารถนำมาใช้เสริมความงามได้แทบทุกส่วนของเรือนร่าง

การผลิตน้ำมันมะพร้าวมี 2 ลักษณะคือ แบบสกัดร้อน ซึ่งจะทำให้สารที่มีประโยชน์บางชนิดถูกทำลายจากความร้อนในกระบวนการผลิตและ ถ้าเก็บไว้ระยะหนึ่งจะมีกลิ่นเหม็นหืนตามมา ส่วนการสกัดเย็น กระบวนการผลิตจะไม่ผ่านความร้อน จึงได้น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์จากธรรมชาติ 100% สีใส มีกลิ่นของมะพร้าวตามธรรมชาติ ไม่เหม็นหืน คงสภาพกรดคลอริคและวิตามินอีที่มีอยู่ในน้ำมันมะพร้าวไว้มากที่สุด

จุดเด่นของน้ำมันมะพร้าวของ มทร. ศรีวิชัย คือ จะใช้วิธีการสกัดเย็นและไม่มีส่วนผสมของสารเคมีเจือปน ทั้งยังมีการผสมสารสกัดจากสมุนไพร ผัก ผลไม้ เข้าไปในกระบวนการผลิตเพื่อช่วยเพิ่มสรรพคุณให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งขณะนี้ ผลิตออกมากว่า 10 สูตร ในรูปแบบของการใช้รับประทานเพื่อสุขภาพ และเพื่อเสริมความงาม เช่น น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ที่มีสารสกัดจากหอมแดงมีสารต้านอนุมูลอิสระ รับประทานเป็นประจำ ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และช่วยให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้นลดไขมันในเส้นเลือด สามารถป้องกันการติดเชื้อ และช่วยบรรเทาอาการไข้หวัด

น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ที่มีสารสกัดจากไพล อุดมไปด้วยวิตามินอี ใช้นวดบริเวณใบหน้าและลำตัว ช่วยลดการอักเสบจากสิว ฝ้า จุดด่างดำ รอยแผลเป็น ทำให้ผิวพรรณดูอ่อนกว่าวัย อีกทั้งยังสามารถลดการปวดเมื่อย ข้อ เอ็นและกล้ามเนื้อ

น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ที่มีสารสกัดจากแตงกวา นำมาอมในปากสัก 5 นาทีก่อนแปรงฟัน ช่วยกำจัดแบคทีเรียในช่องปากได้ …เป็นต้น

ผศ.ดร.เพ็ญศรี กล่าวว่า ในอนาคตจะพัฒนาน้ำมันมะพร้าวให้เป็นผลิตภัณฑ์โลชั่นบำรุงผิว และยากำจัดสิว ฝ้า ที่ราคา ไม่แพงและมีคุณภาพดีด้วย

น้ำมันมะพร้าวเป็นภูมิปัญญาไทยที่ ปู่ย่าตายายสั่งสมสืบทอดกันมาชั่วลูกชั่วหลาน ...ผลผลิตจากธรรมชาติย่อมให้คุณค่ามากกว่าทำลาย ฤาจะเป็นเช่นคำกล่าวที่ว่า “สูงสุดคืนกลับสู่สามัญ”

ที่มา http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=339&contentID=60558

Tuesday, April 13, 2010

แนะนำอาชีพ'กระเป๋าจากเศษหนัง'

การผลิตสินค้าให้สามารถขายได้ในราคาไม่แพง ได้รับความนิยมเพราะมีแบบเฉพาะ หรือเอกลักษณ์ของตนเอง และยังสามารถตามแฟชั่นได้ นอกจากความสามารถในการออกแบบแล้ว การใช้วัสดุหรือวัตถุดิบที่มีคุณภาพอย่างมีประสิทธิภาพก็เป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งทีม “ช่องทางทำกิน” ได้พบตัวอย่างหรือต้นแบบของหลักคิดดังกล่าว และนำมาเล่าสู่กันฟัง กับสินค้า “กระเป๋าจากเศษหนัง”

ปทุมทิพย์ เอี่ยมสะอาด ประธานกลุ่มอาชีพผลิตกระเป๋าหนังแท้-ชุมชนจักรสุภา อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เล่าว่า การผลิตกระเป๋าหนังแท้นี้เป็นการสร้างอาชีพในชุมชนจักรสุภา ที่ส่วนมากคนในชุมชนจะทำงานโรงงาน และช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดีก็จะตกงานเสียส่วนมาก ดังนั้น จึงมีการรวมกลุ่มขึ้นมา โดยมีแกนนำคือ คุณป้าวิมล เดชะบุญ ประธานกลุ่มฯ คนเดิม ซึ่งทำอาชีพเย็บกระเป๋าจากหนังแท้

ด้วยความที่จะต้องการขายกระเป๋าในราคาไม่แพง พร้อม ๆ ไปกับการมีลวดลายการออกแบบเป็นของตนเอง จึงใช้เศษหนังแท้แทนหนังที่เป็นแผ่นใหญ่ ๆ เพื่อเป็นการประหยัดต้นทุน โดยมีเจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนจังหวัด เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด เข้ามาช่วยอบรม รวมไปถึงช่วยด้านการตลาดด้วย เพราะส่วนมากจะขายสินค้าตามงานแสดงสินค้าต่าง ๆ ซึ่งส่วนราชการจะเป็นฝ่ายจัดหาให้ โดยกระเป๋าที่ทำนั้นมีหลายขนาด หลายแบบ และหลายราคา ตั้งแต่ 29-2,500 บาท แต่แบบที่ขายดีคือที่ราคาเฉลี่ย 29-59 บาท ด้วยราคาที่ไม่สูงจึงเป็นสินค้าที่ขายได้เรื่อย ๆ เหมาะทั้งกับการซื้อใช้เอง หรือเป็นของฝากได้ทุกเทศกาล จึงเป็นที่นิยม ขายได้เรื่อย ๆ

สำหรับการลงทุน-การจะทำอาชีพนี้ ปทุมทิพย์บอกว่า อย่างน้อยต้องพอมีฝีมือหรือทักษะทางช่างอยู่บ้าง เพราะอุปกรณ์ที่ใช้จะเป็นอุปกรณ์งานช่างต่าง ๆ รวมไปถึงจักรอุตสาหกรรมด้วย

ส่วนวัสดุผลิตกระเป๋านั้น หลัก ๆ ที่ใช้ ได้แก่ เศษหนังแท้ ซึ่งเป็นหนังวัวซื้อมาจากโรงงานผลิตกระเป๋าหนังย่านนวนคร ในราคา กก.ละ 35-150 บาท (ขึ้นกับขนาด), แผ่นโฟมทำพื้นกระเป๋าสีดำ ราคาแผ่นละ 28 บาท

วิธีทำ เริ่มที่วาดแบบกระเป๋าลงบนโฟมซึ่งแบบกระเป๋า คล้าย ๆ แบบเสื้อผ้านั่นเอง จากนั้นทากาวลงบนแผ่นโฟมบาง ๆ แล้วค่อย ๆ วางเศษผ้าลงบนโฟม ซึ่งการวางเศษผ้าลงบนโฟมเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง โดยมีหลักว่าจะต้องเรียงเศษผ้าในแนวยาว และจะต้องใช้ประโยชน์จากเศษผ้าให้มากที่สุด ตัดทิ้งให้น้อยที่สุด

ดังนั้น แม้ว่าแบบกระเป๋าจะเป็นแบบเดียวกัน แต่ลายกระเป๋าแต่ละใบก็จะไม่เหมือนกัน เพราะตกแต่งขึ้นมาด้วยเศษผ้าแต่ละชิ้น-แต่ละสีที่ไม่เหมือนกันนั่นเอง

เมื่อทำลายบนกระเป๋าได้เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อมาคือ การแซกกระเป๋า ซึ่งขั้นตอนนี้จะต้องใช้จักรอุตสาหกรรมเพื่อเย็บริมขอบเศษผ้าให้เป็นลายดู สวยงาม และเป็นระเบียบเรียบร้อย โดยด้ายที่ใช้คือสีดำและสีน้ำตาลเท่านั้น รวมไปถึงขั้นตอนต่อไปคือ การเย็บผ้าซับใน, เจาะช่องซิป, ติดกระดุม, ใส่พวงกุญแจ และประกอบเป็นตัวกระเป๋า ซึ่งจะต้องใช้จักรอุตสาหกรรมอีกครั้งหนึ่ง

หลังจากประกอบตัวกระเป๋าแล้ว ก็ตรวจสอบความเรียบร้อยอีก

ครั้งว่าจะต้องแก้ไขรายละเอียดเล็ก ๆ

น้อย ๆ อะไรอีกหรือไม่ ถ้าไม่มีปัญหา ขั้นตอนสุดท้ายคือ ขัดน้ำยาเพื่อเคลือบเงากระเป๋า เท่านี้ก็เป็นอันเรียบร้อย

ปทุมทิพย์บอกว่า เศษหนัง 2.5 กก. จะทำกระเป๋าใบใหญ่ได้ 1 ใบ ถ้าเป็นกระเป๋าใบเล็ก เศษหนัง 1 กก.จะทำได้ประมาณ 15 ใบ ส่วนแผ่นโฟม 1 แผ่นทำกระเป๋าใบใหญ่ได้ 2 ใบ ทำกระเป๋าใบเล็กได้ราว 25 ใบ

ทั้งนี้ สำหรับเงินลงทุนในอาชีพนี้นั้น ถ้าทำเป็นกลุ่มใหญ่ในเบื้องต้นจะใช้ทุนอุปกรณ์ประมาณ 250,000 บาท ซึ่งเป็นต้นทุนสำหรับอุปกรณ์เครื่องมือช่าง และจักรอุตสาหกรรม โดยเป็นการลงทุนครั้งแรกและครั้งเดียว ใช้ได้ไปตลอด ส่วนจะคืนทุนเร็วหรือช้านั้นขึ้นอยู่กับปริมาณยอดขาย

ขณะที่เรื่องกำไรหลักหักค่าใช้จ่ายของกระเป๋าต่อใบนั้น ปทุมทิพย์บอกว่า อยู่ที่ประมาณ 40% จากราคาขาย ซึ่งก็นับว่าเป็นรายได้ที่ดี และเป็นอีกหนึ่ง “ช่องทางทำกิน” ที่น่าสนใจทีเดียว

ใครสนใจ “กระเป๋าจากเศษหนัง” ต้องการติดต่อกับ ปทุมทิพย์ เอี่ยมสะอาด ประธานกลุ่มอาชีพผลิตกระเป๋าหนังแท้ ก็ติดต่อได้ที่ 34/51 ชุมชนจักรสุภา หมู่ 2 ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี โทร. 0-2957-0237, 0-2957-0007 และ 08-1485-5812.

ที่มา http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=525&contentID=57906