Saturday, July 16, 2011

แนะนำอาชีพ 'โมจิไส้สตรอเบอรี่'

แม้แต่อาหารการกิน ขนม และเครื่องดื่ม ก็จำเป็นจะต้องสร้างจุดขาย เฟ้นหาความแตกต่าง เพราะนอกจากจะใช้เป็นจุดเรียกความสนใจได้แล้ว ก็ยังถือเป็นอีกเคล็ดลับหนึ่งที่ทำให้ลูกค้าจดจำสินค้าได้อย่างดี อย่างเช่น ’โมจิไส้สตรอเบอรี่“ อีกหนึ่งไอเดีย ’ช่องทางทำกิน“ ที่จะนำเสนอให้ได้ลองพิจารณากันในวันนี้...

“หญิง-จุติภัค ยังโนนตาด” เจ้าของสูตร “โมจิไส้สตรอ เบอรี่” เล่าว่า เดิมทีทำงานเป็นครูสอนคอมพิวเตอร์ ต่อมารู้สึกเบื่องานประจำ จึงพยายามมองหาลู่ทางที่จะหยิบจับทำธุรกิจของตัวเอง ก็เป็นคนชอบทานขนม และเคยชิมโมจิสดแล้วรู้สึกติดใจในรสชาติ ประกอบกับได้คำแนะนำจากเพื่อนที่รู้จักกันซึ่งเดินทางมาจากญี่ปุ่น แนะนำว่าน่าจะลองทำดู จึงตัดสินใจฝึกหัดทดลองทำ และพยายามปรับสูตรเรื่อยมาจนลงตัว หลังจากนั้นก็เริ่มทดลองตลาดโดยนำไปฝากให้ผู้ใหญ่ที่รู้จักกันทดลองชิม ปรากฏว่าได้รับการตอบรับดี เมื่อทำขายจริงก็มียอดสั่งซื้อตลอด โดยยึดอาชีพนี้มาได้ 2 ปีกว่าแล้ว

“เป็นคนชอบทานขนม จึงคิดว่าถ้าจะทำอาชีพส่วนตัวก็คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับขนม และพอดีได้รับคำแนะนำจากเพื่อน ๆ บอกว่าน่าจะลองทำดู เพราะในตลาดนั้นคู่แข่งที่ทำโมจิสดนี้ยังมีน้อยมาก คนที่อยากจะทานก็ต้องทานในร้านอาหารญี่ปุ่นเท่านั้น จึงคิดว่าน่าจะมีช่องว่างให้เราทำได้ ก็จึงลงมือทำ”

เจ้าของสูตรโมจิบอกอีกว่า การผลิตยังเป็นรูปแบบของอุตสาหกรรมในครัวเรือน ไม่มีหน้าร้าน และทำตามยอดสั่งซื้อจากลูกค้า เพราะเน้นผลิตโมจิแบบวันต่อวัน โดยจะไม่ทำค้างคืนเก็บไว้ ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ก็มีทั้งที่นำไปเป็นของว่างรับแขกในงานเลี้ยง และมีทั้งที่ซื้อเพื่อนำไปจำหน่ายต่อ โดยโมจิสดของตนสามารถเก็บไว้นอกตู้เย็นได้ประมาณ 3 วัน แต่ถ้าแช่ตู้เย็นก็จะสามารถเก็บไว้ได้นานประมาณ 1 สัปดาห์

สำหรับไส้ขนมโมจิที่ทำอยู่เป็นประจำนั้น ขณะนี้มีอยู่ประมาณ 12 ไส้ ได้แก่ เผือก, ชาเขียว, ถั่วแดง, ถั่วเหลือง, งาดำ, พุทรา, กาแฟ, ไดฟุกุ, ทุเรียน, โมจิสด, วิปปิ้งครีม และ สตรอเบอรี่ โดยเฉพาะอย่างหลังจะได้รับความสนใจค่อนข้างมาก และทำให้ลูกค้าจำยี่ห้อได้ดี แต่จะทำเฉพาะลูกค้าที่สั่งพิเศษเท่านั้น เพราะราคาของวัตถุดิบค่อนข้างจะสูงกว่าโมจิไส้อื่น ๆ ส่วนเหตุผลที่ทำโมจิไส้ผลสตรอเบอรี่นั้น ก็เพราะต้องการ ฉีกตัวเองออกไปจากตลาดคู่แข่ง และต้องการให้ลูกค้าจดจำสินค้าได้ โดยใช้สตรอเบอรี่ 1 ผล ต่อโมจิ 1 ลูก ราคาขายคือ 30 บาท

ทุนเบื้องต้นอาชีพนี้ ใช้เงินทุนประมาณ 30,000 บาท ส่วนใหญ่เป็นค่าเครื่องมือและอุปกรณ์ ขณะที่ทุนวัตถุดิบ อยู่ที่ประมาณ 50% จากราคาขาย ที่เริ่มต้นลูกละ 12 บาท ไปจนถึง 30 บาท

อุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการทำ ประกอบด้วย เครื่องตีแป้ง, แม่พิมพ์กดลายโมจิ, ภาชนะและอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ใช้ในงานเบเกอรี่ สำหรับส่วนผสม ถ้าใช้แป้งผสมสำเร็จรูป 1 กิโลกรัม จะใช้แบะแซ 1 กิโลกรัม, ถั่วแดงกวน 2 กิโลกรัม, น้ำสะอาด 900 กรัม, สีผสมอาหาร, กลิ่นสังเคราะห์, ผงไอซ์ซิ่ง และผลสตรอเบอรี่ 100 ลูก โดยสูตรนี้ทำโมจิได้ราว 100 ลูก

ขั้นตอนการทำ เริ่มจากนำแบะแซผสมรวมกับน้ำสะอาดที่เตรียมไว้ในภาชนะ ต้มด้วยไฟกลาง ๆ และคนไปเรื่อย ๆ จนส่วนผสมละลายตัว จากนั้นเติมสีและกลิ่นผสมอาหารที่เตรียมไว้ตามต้องการ คนต่อไปให้เข้ากัน เมื่อส่วนผสมเข้ากันเป็นเนื้อเดียวแล้วให้ทำการเทแป้งลงในน้ำที่ผสมเสร็จ จากนั้นหรี่ไฟลงเล็กน้อย หรือใช้ไฟอ่อน ๆ ทำการคนแป้งให้เข้ากัน หรือกวนจนแป้งสุก ร่อน ไม่ติดหม้อ โดยต้องกวนให้ทั่ว ๆ หลังจากดูว่าส่วนผสมเข้าเนื้อกันดีแล้ว จึงนำมาเทออกใส่ภาชนะหรือถาด ทิ้งไว้ให้อุ่นพอปั้นได้ จากนั้นทำการนวดแป้งด้วยมืออีกครั้ง แล้วพักเตรียมไว้

สำหรับไส้สตรอเบอรี่นั้น จะห่อผลสตรอเบอรี่ด้วยถั่วแดงชั้นหนึ่งก่อน การทำไส้ถั่วแดง ก็นำถั่วแดงที่ทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วแช่น้ำ แล้วนำมาปั่นละเอียดด้วยเครื่องปั่น จากนั้นนำไปผสมน้ำเทใส่ลงหม้อต้ม ใช้ไม้พายคนหรือกวนไปเรื่อย ๆ บนไฟอ่อน เติมรสตามชอบ เมื่อกวนจนไส้ถั่วแดงเหนียวได้ที่ ก็ตักพักไว้ในภาชนะเพื่อรอให้เย็นหรือเซตตัว

มาถึงขั้นตอนการปั้น ใช้ช้อนตักแป้งที่เตรียมไว้ออกมา ปั้นให้เป็นก้อนกลม ๆ แล้วนำถั่วแดงมาหุ้มผลสตรอเบอรี่ที่เตรียมไว้ จากนั้นนำแป้งโมจิที่ปั้นไว้แผ่ออกและค่อย ๆ หุ้มลงบนผลสตรอเบอรี่ที่พอกด้วยถั่วแดง แล้วจึงปั้นหรือจัดแป้งให้เป็นรูปทรงกลม นำไปเข้าแม่พิมพ์เพื่อกดลาย (ในกรณีที่ไม่ต้องการกดลายบนขนมโมจิ ก็ข้ามขั้นตอนนี้ไป) เมื่อได้แล้วก็ให้นำไปคลุกผงไอซ์ซิ่ง จากนั้นบรรจุลงบรรจุภัณฑ์ เป็นอันเสร็จขั้นตอนการทำ

“ขั้นตอนไม่ยุ่งยากซับซ้อนมาก แต่ก็ต้องใช้เวลา โดยจุดเด่นของโมจิสดคือ ความเหนียวนุ่มของแป้ง” เจ้าของสูตรโมจิสดไส้ผลสตรอเบอรี่กล่าว

สนใจ ’โมจิสดไส้สตรอเบอรี่“ ต้องการติดต่อ หญิง-จุติภัค ติดต่อได้ที่ เลขที่ 88/15 ถนนเลียบทางด่วนวงแหวนประชาอุทิศ ทุ่งครุ กรุงเทพฯ โทร. 08-7455-3351, 08-1557-2421 ซึ่งนี่ก็ถือเป็นอีกกรณีศึกษา อีกไอเดียเกี่ยวกับอาชีพค้าขายอาหารการกิน ที่พลิกแพลงดัดแปลงเพื่อสร้างจุดน่าสนใจ...ได้อย่างน่าสนใจ.

http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=497&contentId=151240

No comments: