Saturday, October 29, 2011

แนะนำอาชีพ 'ตกแต่งหมวกสาน'

แนะนำอาชีพ เป็นงาน งานแฮนด์เมดเพิ่มมูลค่าสินค้าคืองาน 'ตกแต่งหมวกสาน'
สินค้าอย่าง ’หมวกสาน“ และกระเป๋าสาน จากวัสดุธรรมชาติ ที่มีวางจำหน่ายอยู่ทั่วไป ถ้านำมาใส่ไอเดียความคิดสร้างสรรค์ นำสินค้าพวกนี้มาตกแต่งเพิ่มเติม นอกจากจะเป็นการทำให้สินค้าดูสวยงามโดดเด่นแตกต่างไปจากผู้ขายรายอื่น ๆ แล้ว ยังเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าได้เป็นอย่างดี และเป็นอีกรูปแบบ ’ช่องทางทำกิน“ ที่น่าพิจารณา...

ต่าย-วาสินี ทวีกาญจน์ นำหมวกสานและกระเป๋าสานมาตกแต่งด้วยผ้าลูกไม้ ดอกไม้ประดิษฐ์ ริบบิ้น โบ ลูกปัด คริสตัล ฯลฯ ก่อนจะจำหน่าย ทำให้สินค้ามีมูลค่าเพิ่มได้อย่างน่าสนใจ ได้รับความนิยมจากลูกค้ามากขึ้น และมีกลุ่มลูกค้าหลากหลายขึ้นด้วย

เจ้าตัวเล่าว่า จบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี คณะศิลปกรรม สาขาออกแบบตกแต่งภายใน หลังจากเรียนจบก็ได้ทำงานทางด้านกราฟิกและออกแบบเว็บไซต์ จากนั้นก็ทำงานเป็นดีไซเนอร์ออกแบบสินค้าประเภทของตกแต่งบ้าน ส่วนการขายหมวกสานและกระเป๋าสานนั้นก็ขายผ่านเว็บไซต์เป็นอาชีพเสริมควบคู่ กับการทำงานหลักอยู่นานแล้ว ซึ่งเป็นการทำร่วมกับญาติที่ต่างจังหวัด จนหลังจากที่บริษัทที่ทำงานอยู่เกิดวิกฤติภายใน ประกอบกับเห็นว่าธุรกิจขายหมวกสานและกระเป๋าสานผ่านเว็บไซต์เริ่มที่จะได้ รับการตอบรับจากลูกค้ามากขึ้น มีออร์เดอร์สั่งเข้ามาเรื่อย ๆ จึงตัดสินใจออกจากงานประจำมาทำธุรกิจขายหมวกสานและกระเป๋าสานผ่านเว็บไซต์ อย่างจริงจัง

“การขายผ่านเว็บไซต์ ขายผ่านอินเทอร์เน็ตนั้น ถือว่าเป็นการลงทุนที่ไม่สูงและสะดวก แต่ก็มีข้อเสียอยู่บ้างสำหรับผู้ที่ลงประกาศขายใหม่ ๆ เพราะส่วนใหญ่ลูกค้ามักจะไม่เชื่อมั่นในสินค้าที่ลงขาย กลัวว่าจะได้ของไม่ตรงตามรูปที่ลง อีกทั้งกลัวคุณภาพไม่ดี เพราะฉะนั้นการขายผ่านอินเทอร์เน็ตเราต้องทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นในสินค้าของ เรา สินค้าทุกชิ้นจะต้องเนี้ยบ ไม่ส่งของที่มีตำหนิให้ลูกค้า” ต่ายกล่าว

เมื่อออกมาจับธุรกิจค้าขายเต็มตัว ต่ายก็เริ่มพัฒนาตัวสินค้าที่ขายอยู่ให้มีความโดดเด่น ไม่ซ้ำกับเจ้าอื่น ๆ เพื่อเป็นจุดขายให้สินค้า และเป็นการเพิ่มมูลค่าให้สินค้ามากขึ้น เพราะเนื่องจากหลายคนจะมองว่าหมวกสานและกระเป๋าสาน จะต้องเป็นทรงที่โบราณไม่ทันสมัย จึงต้องมีการพัฒนาให้สินค้ามีความทันสมัย เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นให้ได้ด้วย

หมวกสานและกระเป๋าสานที่จะนำมาตกแต่งนั้น ต่ายจะออกแบบรูปทรงเพื่อที่จะได้ทรงที่ดูทันสมัยเข้ากับยุค แล้วก็เลือกวัสดุที่จะนำมาใช้ทำ จากนั้นก็ส่งแบบไปให้กับญาติเป็นคนทำตามแบบที่ต้องการ นอกจากนี้ ยังมีการสั่งทำจากแหล่งต่าง ๆ ที่รับทำรับสานหมวกและกระเป๋าด้วย

วัสดุที่ใช้ในการสานนั้น หลัก ๆ ก็มี ปอสังเคราะห์, ใบลาน, ไม้ไผ่, ผักตบชวา หรือถ้าเป็นหมวกผ้าก็ใช้ผ้าสักหลาด เป็นต้น ส่วนรูปทรงก็มีหลากหลาย ทั้งในส่วนของหมวกและกระเป๋า

ส่วนวัสดุที่นำมาใช้ตกแต่งหมวกนั้น ก็จะมี...ดอกไม้ประดิษฐ์จากผ้า, ดอกไม้ประดิษฐ์จากพลาสติก, ผ้าลูกไม้, ริบบิ้น, ลูกปัดไม้, คริสตัล เป็นต้น

ขั้นตอนการตกแต่งหมวกสาน เริ่มเตรียมหมวกสานรูปทรงที่ต้องการ จากนั้นก็เลือกใช้ผ้าลูกไม้หรือจะใช้ริบบิ้นก็ได้ตามต้องการ แต่ที่สำคัญจะต้องเลือกสีที่เข้ากับหมวกด้วย นำผ้าลูกไม้หรือริบบิ้นมาผูกให้เป็นโบ ใช้ปืนกาวซิลิโคลนยิงยึดติดให้แน่น ตกแต่งโบให้ดูสวยงามมากขึ้นโดยใช้คริสตัลหรือลูกปัดมาติดให้ดูสวยงามตามต้อง การหรือตามที่ออกแบบไว้ เมื่อทำในส่วนของโบเรียบร้อยแล้วก็นำดอกไม้ประดิษฐ์มาติดลงบนโบที่ทำ ยึดให้แน่นด้วยกาวซิลิโคลน ขั้นตอนสุดท้ายก็นำไปติดลงบนหมวกที่เตรียมไว้ เท่านี้ก็เรียบร้อย

ถ้าเป็นการทำกระเป๋านั้น ก็ใช้วิธีการตกแต่งคล้ายกับการตกแต่งหมวก แต่กระเป๋าจะมีเทคนิคการตกแต่งอีกแบบหนึ่งที่ทำให้ดูสวยงามทันสมัย คือการใช้เทคนิค “เดคูพาจ” เป็นลักษณะกระดาษทิซชูที่มีภาพวาดลวดลายสีสันที่สวยงาม นำมาติดลงบนกระเป๋าสานให้ดูเก๋และดูสวยงามทันสมัยมากขึ้น

ราคา ’หมวกสานตกแต่ง“ นั้น อยู่ที่ใบละ 250-350 บาท ส่วนกระเป๋าสานมีราคาตั้งแต่ 200 บาทขึ้นไป โดยราคานั้นก็จะขึ้นอยู่กับรูปแบบ ขนาด และวัสดุที่ใช้ในการทำ

“การทำหมวกสานและกระเป๋าสานประดิษฐ์ตกแต่งขาย ใช้เงินลงทุนครั้งแรกประมาณ 2,000-3,000 บาท เป็นการลงทุนที่ไม่สูงมาก ลักษณะเป็นเงินหมุนเวียน และทุนในการผลิตก็อยู่ที่ประมาณ 50% ของราคาที่ตั้งขายต่อ การทำธุรกิจนี้จะต้องพยายามสำรวจความนิยมและตามแฟชั่นให้ทันอยู่ตลอด” ต่ายกล่าว

ทั้งนี้ สินค้าที่ต่ายทำจำหน่ายในเว็บไซต์มีหลากหลาย อาทิ หมวกสานทรงต่าง ๆ ทรงปีกกว้าง ทรงคาวบอย หมวกสานคุณนาย หมวกสานแฟชั่น กระเป๋าสาน กระเป๋าสะพายเชือกถัก กระเป๋าผ้าลดโลกร้อน เป็นต้น

สินค้าของต่ายนั้นสามารถคลิกเข้าไปดูได้ที่เว็บไซต์ www.saraaccessory. com จะสั่งออร์เดอร์ก็สั่งผ่านเว็บไซต์ หรือทางอีเมล taikatae@hotmail.com หรือติดต่อที่ โทร. 08-4878-7744 และปัจจุบันต่ายยังมีจุดขายสินค้าอยู่ที่ คริสตัลปาร์ค (ถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา) ในวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ด้วย ซึ่งนี่ก็เป็นอีกกรณีศึกษา “ช่องทางทำกิน” ที่น่าสนใจ.
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=498&contentId=172703

No comments: