Saturday, November 28, 2009

แนะนำอาชีพ‘ซูชิข้าวกล้อง’

อาหารว่างประเภท “ซูชิ” ปัจจุบันมีการทำขายทั้งตามข้างทาง ตลาดนัด หรือในห้างสรรพสินค้า มีตั้งแต่ราคาย่อมเยาไปจนกระทั่งราคาภัตตาคาร ซึ่งใครคิดจะทำขายบ้างก็คงต้องฉีกแนวเพื่อหา กลุ่มลูกค้าของตนเอง และวันนี้ทีม “ช่องทางทำกิน” ก็มีข้อมูลที่น่าสนใจมานำเสนอ นั่นก็คือ “ซูชิข้าวกล้อง”

“ชูซิข้าวกล้อง” เกิดขึ้นจากแนวคิด ความสุขในการทำ ไม่เครียดในการขาย ของผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนเอกชนคนหนึ่ง ที่ชื่อว่า “ชูชื่น พลอยเกษม” หรือ คุณต๋อย เจ้าของซูชิข้าวกล้อง “มิโดริ” ซึ่งเจ้าตัวเล่าว่า ซูชิข้าวกล้องนี้เกิดขึ้นจากการทำแจกในหมู่เพื่อน ๆ จนมีการเชียร์ให้ทำขาย และมีการคิดให้เป็นซูชิเพื่อสุขภาพ โดยใช้ข้าวกล้องที่มีประโยชน์ โดยเมื่อทำออกมาแล้วมีรสชาติไม่แตกต่างไปจากของต้นตำรับ

การทำ “ซูชิข้าวกล้อง” ขาย คุณต๋อยจะทำวันต่อวัน โดยวางขายในโรงเรียนที่ลูกเรียนอยู่ ปกติจะมี 12-13 หน้า อาทิ สลัดทูน่า, สลัดกุ้ง, สลัดปู, สาหร่ายปู, ไข่กุ้งส้ม, ปลาไหล, กุ้งต้ม, ปูอัด, ครีบหอยเชลล์, ปลาหมึก ฯลฯ โดยส่วนผสมที่เป็นหน้าต่าง ๆ ของซูชินั้น หาซื้อได้ในห้างสรรพสินค้าที่มีการขายเครื่องปรุงอาหาร

ราคาขายส่วนใหญ่ชิ้นละ 10 บาท ยกเว้นหน้าไข่หวาน มากิหมู-มากิปู ขายชิ้นละแค่ 5 บาท

การหุงข้าวทำซูชิ หรือข้าวปั้น ถ้าใช้ข้าวประมาณ 16 กระป๋องตวงข้าวเล็ก ๆ จะทำได้ประมาณ 300 ชิ้น โดยสัดส่วนหรือส่วนผสมตัวข้าวโดยประมาณคือ ข้าวญี่ปุ่น 60% ข้าวกล้อง 20% และข้าวหอมมะลิอีก 20%

เทคนิคการหุงข้าว นั้น คุณต๋อยบอกว่า ข้าวไทยจะมีปัญหามากกว่าข้าวญี่ปุ่น เพราะมีทั้งข้าวใหม่และข้าวเก่าที่ใช้ปริมาณน้ำในการหุงไม่เท่ากัน แต่โดยพื้นฐานของสูตรแล้ว จะทยอยหุงคราวละ 4 กระป๋อง โดยจะใช้น้ำ 5 กระป๋อง โดยถ้าหุงออกมาแล้วข้าวแฉะเกินไป ก็ต้องลดปริมาณน้ำในคราวต่อไป ถ้าแข็งก็ต้องเพิ่มน้ำมากขึ้น ทดลองทำอย่างนี้ก่อนจนกว่าจะได้มาตรฐานการใส่น้ำสำหรับข้าวที่ซื้อมาแต่ละ ลอต

หน้าสลัด จะมี 3 หน้าคือ สลัดทูน่า สลัดกุ้ง และสลัดปู ส่วนผสมของสลัดคือ แตงกวา แครอท ผสมน้ำสลัด และทูน่า หรือกุ้ง หรือปูอัด

ซูชิมากิหมู หมูต้องหมักกับซีอิ๊ว และกระเทียม แล้วนำไปทอด ซึ่งเวลาห่อกับข้าวจะใส่ซอสมายองเนสด้วย เพื่อความอร่อย อย่างไรก็ตาม รูปแบบของการห่อนั้นขึ้นอยู่กับความคิดสร้างสรรค์ของแต่ละคน

หน้าไข่หวาน สัดส่วนคือไข่ไก่ 3 ฟอง ผสมกับสาเก 1.5 ช้อนตวง และน้ำตาลทราย 1.5 ช้อนตวง นำไปทอดในกระทะซึ่งใส่เนยลงไปในน้ำมันเล็กน้อยเพื่อเพิ่มรสชาติความหอมให้ กับไข่หวาน การทอดไข่หวานนั้นต้องใช้ไฟในระดับอ่อนสุด เพื่อให้สุกทั่ว

การห่อซูชิ ห่อได้หลายแบบ ถ้าเป็นแบบกลม ๆ และ รี ๆ โดยเป็นแบบสาหร่ายพันข้าวนั้น ใช้เสื่อญี่ปุ่น และแผ่นสาหร่ายสำหรับทำซูชิเป็นอุปกรณ์และวัสดุสำคัญ โดยตักข้าวกะในปริมาณที่พอดี ๆ ม้วนออกมาแล้ว สามารถตัดออกเป็นชิ้น ๆ โดยกะให้ตัดออกมาได้ประมาณ 8 ชิ้น

หน้าซูชิที่ใช้ข้าวปั้นแบบกลม ๆ คือ หน้าปลาไหล, ไข่กุ้งส้ม, ปลาหมึก, สลัดหน้าต่าง ๆ และหน้าสาหร่ายที่โรยงาขาวคั่วไว้ด้านบน ซึ่งงาขาวคั่วสำหรับโรยหน้าสาหร่าย และสำหรับการทำอุระมากิซูชิ ซึ่งเป็นการห่อด้วยการนำสาหร่ายไว้ด้านในเอาข้าวไว้ด้านนอก เมื่อหั่นออกมาแล้วนำไปคลุกงานั้น งาที่ใช้ต้องคั่ววันต่อวัน

ส่วนซูชิที่พันออกมาเป็นแบบรี ๆ คือ หน้าปลาหมึก

ซูชิที่เป็นมากิหมู–ปูอัด จะบิดออกมาให้เป็นแบบสามเหลี่ยม เพราะต้องการจัดเรียงซูชิให้เป็นรูปดอกไม้ โดยจะต้องวางไส้ด้านใน มีแตงกวา และแครอท และเพิ่มมายองเนสลงไปเพื่อรสชาติที่กลมกล่อมขึ้น

หน้าไข่หวาน ปูอัด และกุ้งต้มนั้น จะต้องปั้นข้าวออกเป็นชิ้น ๆ ลักษณะออกรี ๆ วางหน้าต่าง ๆ ไว้ด้านบน แล้วพันด้วยสาหร่ายด้านบน
การทำ “ซูชิข้าวกล้อง” ของคุณต๋อยนั้น จะทำวันต่อวัน เน้นใช้วัสดุ-วัตถุดิบที่ต้องสดและสะอาดเป็นหัวใจสำคัญของการขาย ขณะที่การตั้งราคาขายนั้นก็ตั้งในระดับที่ซื้อง่าย-ขายคล่อง เอากำไรแบบพอประมาณ พอดี ๆ ไม่เน้นทำกำไรมาก เพราะคุณภาพอาจจะลดลง

ใครสนใจ “ซูชิข้าวกล้อง” ต้องการติดต่อ คุณต๋อย-ชูชื่น พลอยเกษม ติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 08-1257-9820 และ 08-9815-4711 ส่วนใครที่คิดจะทำซูชิขาย นอกจากสูตรการทำที่เป็นสแตนดาร์ดโดยทั่วไปแล้ว ก็อย่าลืมคิดหา “จุดเด่น-จุดแปลกใหม่” เพื่อเป็น “จุดขาย” ด้วย !!.
ที่มา http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&contentId=32003&categoryID=525

No comments: