Saturday, July 13, 2013

แนะนำอาชีพ ‘ตะลิงปลิงลอยแก้ว’

การทำ “ลอยแก้ว” คือวิธีการถนอมอาหารประเภทผลไม้อย่างหนึ่ง เพื่อยืดอายุผลไม้ให้ทานได้นาน ๆ แถมยังเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับผลไม้นั้น ๆ ได้อีกด้วย ปัจจุบันมีการทำลอยแก้วกับผลไม้ที่หลากหลาย อย่างสละ มะดัน กระท้อน ฯลฯ ซึ่งการทำผลไม้ลอยแก้วขายก็กลายเป็นอีกอาชีพหนึ่งที่มีคนทำอย่างกว้างขวาง ทั้งแบบครัวเรือน รวมถึงในระดับอุตสาหกรรม และวันนี้ทีม “ช่องทางทำกิน” ก็มีข้อมูลการทำลอยแก้วด้วยผลไม้พื้นบ้านอย่าง “ตะลิงปลิง” มานำเสนอ... ผลไม้พื้นบ้านอย่าง “ตะลิงปลิง” นั้น มีสรรพคุณมากมายทีเดียว โดย เสาวลักษณ์ สุนทรธรรม เจ้าของธุรกิจผลไม้ลอยแก้ว “ช่องาม” เล่าว่า ทำผลไม้ลอยแก้วมา 8 ปีแล้ว โดยเริ่มจากการทำสละลอยแก้วขายส่งร้านอาหารก่อน ซึ่งก็มียอดขายที่ดีมาก โดยจะใช้ของดี ทำให้ถึงรสชาติ และไม่ใส่สารกันบูด ส่วนการทำ “ตะลิงปลิงลอยแก้ว” นั้น มีที่มาจากการที่ไปเดินตลาด แล้วเห็นมีคนขายผลแบบสด ๆ ก็คิดว่าน่าจะใช้ทำลอยแก้วได้ จึงซื้อมาทดลองทำดู “ผลตะลิงปลิงนี้ไม่ค่อยมีคนนิยมทานกันมาก เพราะมีรสชาติเปรี้ยวมาก ชาวสวนหรือชาวบ้านปลูกไว้เพื่อเอามาจิ้มน้ำพริก หรือเอามาทำกับข้าว แต่ก็ไม่ได้ใช้มาก เพราะเปรี้ยวมาก กินแล้วเข็ดฟัน ดังนั้นผลตะลิงปลิงที่เหลือจะถูกทิ้งไปอย่างน่าเสียดาย ทั้ง ๆ ที่สรรพคุณของตะลิงปลิงนั้นมีมากมาย อาทิ เป็นยาบำรุงกระเพาะ ช่วยให้เจริญอาหาร ลดไข้ แก้ไอ ลดเสมหะ รักษาริดสีดวงทวารได้” เสาวลักษณ์กล่าวและว่า นอกจากนี้ น้ำของตะลิงปลิงยังสามารถช่วยลดน้ำตาลในเลือด และลดไขมันไตรกลีเซอไรด์ สามารถนำมาปรุงอาหารแทนน้ำมะนาวให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานได้ด้วย เสาวลักษณ์บอกต่อไปว่า ได้ทดลองทำตะลิงปลิงลอยแก้วประมาณ 1 สัปดาห์ก็ประสบความสำเร็จ เนื่องจากมีพื้นฐานเรื่องการทำสละลอยแก้วเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว โดยอุปกรณ์ที่ใช้ทำลอยแก้วนั้นหลัก ๆ ก็มี กะละมัง, ตะกร้า, หม้อ, เตาแก๊ส, ตู้แช่ และอุปกรณ์เบ็ดเตล็ดที่ใช้ในครัวทั่ว ๆ ไป วิธีทำ “ตะลิงปลิงลอยแก้ว” จะใช้ผลตะลิงปลิงสดนำมาตัดขั้วหัว-ท้าย แล้วล้างให้สะอาดแบบชนิดที่ว่าสะอาดสุด ๆ คือไม่มีเศษฝุ่น เศษดิน หรือยางของตะลิงปลิงเหลืออยู่เลย จากนั้นนำไปใส่ตะกร้า ผึ่งให้สะเด็ดน้ำ แล้วผ่าออกตามแนวตั้งเป็น 2-4 ชิ้นต่อตะลิงปลิง 1 ผล ขั้นต่อไปนำตะลิงปลิงมาคั้นน้ำออกสักประมาณหนึ่ง เพื่อลดความเปรี้ยว (น้ำตะลิงปลิงนั้นสามารถนำไปปรุงรสทำน้ำตะลิงปลิงขายเสริมได้อีกส่วนหนึ่ง) จากนั้นตั้งน้ำ 1 หม้อใหญ่ ต้มน้ำให้สุก แล้วใส่น้ำตาลทราย 6 กิโลกรัม และเกลือ 100 กรัม เคี่ยวให้เข้ากัน จากนั้นจึงใส่ผลตะลิงปลิงลงไปต้มประมาณ 15 กิโลกรัม ต้มแล้วก็ยกลงพักทิ้งไว้ 2-3 วัน เพื่อให้น้ำซึมเข้าเนื้อได้ดี ก่อนจะบรรจุใส่ถ้วยพลาสติกเพื่อจำหน่าย ซึ่งก่อนบรรจุใส่ถ้วยพลาสติกให้ลองชิมรสก่อน รสชาติที่ดีจะต้องเปรี้ยวนำ หวานตาม แต่ไม่เค็ม บรรจุถ้วยละ 180 กรัม (ทั้งน้ำและเนื้อ) ขายได้ในราคาถ้วยละ 35 บาท ในส่วนของ “สละลอยแก้ว” ทางคุณเสาวลักษณ์ก็ได้บอกสูตรด้วย โดยน้ำลอยแก้วนั้นจะเป็นสูตรเดียวกับตะลิงปลิง แต่แตกต่างกันตรงที่เนื้อสละ โดยสละนี้จะกะเทาะหนาม แกะเอาเปลือกและคว้านเม็ดออก แล้วใส่เนื้อลงในน้ำเชื่อมลอยแก้วที่เคี่ยวเสร็จแล้วได้เลย ซึ่งบรรจุใส่ถ้วยพลาสติกถ้วยละ 180 กรัม ก็ขายในราคาถ้วยละ 35 บาทเช่นกัน “ประโยชน์ของสละคือ เนื้อสละมีกรดอินทรีย์ น้ำตาล วิตามินซี และฟอสฟอรัส ช่วยบำรุงกระดูก ฟัน และเนื้อสละยังเป็นยาขับเสมหะ ป้องกันอาการหวัดอีกด้วย” คุณเสาวลักษณ์กล่าวและว่า นอกจากตะลิงปลิงลอยแก้ว และสละลอยแก้วแล้ว ที่ทำขายประจำก็ยังมีผลไม้อื่น ๆ อีก อาทิ กระท้อนลอยแก้ว, มะดันลอยแก้ว, มะเฟืองลอยแก้ว และรวมถึงเชอรี่ไทยด้วย ซึ่งนี่ก็นับว่าเป็นอีกรูปแบบ “ช่องทางทำกิน” ที่น่าพิจารณา ทั้งนี้ ผลไม้ลอยแก้วเจ้านี้มีต้นทุนวัตถุดิบอยู่ที่ประมาณ 70% ของราคาขาย ใครสนใจ “ตะลิงปลิงลอยแก้ว” และผลไม้ลอยแก้วต่าง ๆ ต้องการติดต่อ เสาวลักษณ์ สุนทรธรรม ก็ติดต่อได้ที่ 39/27 หมู่ที่ 5 ต.โคกคราม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี หมายเลขโทรศัพท์ 08-1425-0300 และ 08-1927-0882. ............................................................................ คู่มือลงทุน....ตะลิงปลิงลอยแก้ว ทุนอุปกรณ์ : ขึ้นอยู่กับขนาดของธุรกิจ ทุนวัตถุดิบ : ประมาณ 70% ของราคา รายได้ : ราคา 35 บาท/ถ้วย (180 กรัม) แรงงาน : ตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป ตลาด : ชุมชน, ตลาดนัด, ร้านอาหาร จุดน่าสนใจ : มีสรรพคุณเป็นจุดขายที่ดีได้ ที่มา http://www.dailynews.co.th/article/384/218857

No comments: