อาชีพงานประดิษฐ์ประเภทของขวัญ-ของที่ระลึก
นอกจากขายฝีมือการประดิษฐ์ชิ้นงานแล้ว
บางชนิดก็พลิกแพลงเป็นงานบริการได้อีกทางหนึ่งด้วย
ยิ่งถ้าเสริมในเรื่องของกระจุกกระจิกหรือของประดับตกแต่งเข้าไป
ก็ยิ่งเพิ่มจุดขายและจุดเด่นให้งานบริการได้เป็นอย่างดี อย่างเช่น
“ตุ๊กตาอัดเสียง” ที่ทาง “ช่องทางทำกิน” จะนำเสนอในวันนี้...
“หทัยชนก สมมิตร” เล่าว่า ทำงานเป็นพนักงานบริษัท
ต่อมาอยากหาอาชีพเสริมทำเพื่อเสริมรายได้
และด้วยความที่เป็นคนมีนิสัยชอบความโรแมนติก
เวลาที่ต้องมอบของขวัญให้คนที่รู้ใจหรือคนรู้จักที่สนิทก็มักจะมองหาของขวัญ
ที่มีลักษณะพิเศษอยู่เสมอ จึงเกิดความคิดว่า
ถ้ามองถึงของขวัญที่สามารถแทนใจแทนความรู้สึกของผู้ให้
ที่จะทำให้คนรับนึกถึงคนให้ได้เสมอ
ของขวัญต้องมีจุดเด่นที่พิเศษไม่เหมือนใคร จึงหันมาสนใจธุรกิจ
“ตุ๊กตาอัดเสียง” นี้
“ตั้งคำถามกับตัวเองว่า ถ้าต้องเลือกของขวัญสักชิ้นให้คนพิเศษ
จะเลือกซื้ออะไร
เราก็เลยมองไปที่ตุ๊กตาเพราะเราชอบงานตุ๊กตาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
คำถามต่อมาคือ ตุ๊กตาอะไรที่สามารถมอบได้กับคนทุกเพศทุกวัย
เราก็มองไปที่ตุ๊กตาหมี ก็เลยเกิดเป็นธุรกิจเล็ก ๆ นี้ขึ้นในชื่อ “I’m a
Bear” หทัยชนกกล่าว ก่อนเล่าต่อไปว่า เมื่อได้คำตอบว่าน่าจะเป็นตุ๊กตาหมี
จึงคิดว่าน่าจะเพิ่มลูกเล่นให้สินค้าน่าสนใจขึ้น
และมองว่าลูกค้าบางคนอาจอยากฝากข้อความพิเศษหรือบันทึกเสียงคำอวยพรเพื่อบอก
ความในใจและความรู้สึก เพราะหลายคนเขินอายไม่กล้าพูด
ทำให้คิดว่าบริการตัวนี้น่าจะช่วยเหลือลูกค้าตรงจุดนี้ได้
โดยตุ๊กตาที่ให้บริการอยู่นั้น สามารถอัดหรือลบเสียงได้ตลอดเวลา
ปัจจุบันสินค้ายังไม่มีหน้าร้านจำหน่าย แต่อาศัยจำหน่ายผ่านเฟซบุ๊ก
www.facebook.com/IamAbear2012 ซึ่งเปิดมาได้ 6 เดือนแล้ว
ผลตอบรับก็ค่อนข้างน่าพอใจ โดยลูกค้ามีทั้งนักเรียน นักศึกษา
ไปจนถึงวัยทำงาน ซึ่งข้อดีของการจำหน่ายผ่านช่องทางนี้คือ ต้นทุนต่ำ
สื่อสารกับลูกค้าได้ตลอดเวลา
ยิ่งปัจจุบันเทคโนโลยีสมาร์ทโฟนมีผู้ใช้เพิ่มขึ้น
ทำให้ช่องทางนี้เป็นที่สนใจ เพราะกำลังเติบโตและได้รับความนิยมขึ้นเรื่อย ๆ
เนื่องจากสะดวก ตอบสนองต่อวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป
“นอกเหนือไปจากการที่อัดเสียงได้
เราเสริมในเรื่องชุดเสื้อผ้าและของประดับเพิ่มเข้าไป โดยเฉพาะช่วงเทศกาล
หรือโอกาสพิเศษ เช่น รับปริญญา จบการศึกษา
หรือรับทำของที่ระลึกประจำรุ่นที่จบ
ซึ่งระบุได้ว่าอยากจะปักชื่อหรือข้อความอะไร นอกจากนี้ยังรับสั่งทำรูปอื่น ๆ
ตามที่ลูกค้าต้องการด้วย” หทัยชนกกล่าว
ทุนเบื้องต้นอาชีพ ใช้ประมาณ 20,000 บาท
เป็นค่าตุ๊กตาหมีและเครื่องบันทึกหรืออัดเสียง
ส่วนทุนวัตถุดิบอยู่ที่ประมาณ 65% จากราคาขาย ซึ่งมีตั้งแต่ 350 บาท
ไปจนถึง 1,000 บาท ขึ้นกับขนาดตุ๊กตา โดยสินค้ามี 4 แบบคือ 1.แบบของทางร้าน
2.ชุดรับปริญญา 3.ชุดนักเรียน 4.แบบที่สั่งทำเฉพาะ ส่วนขนาดมี 3 ขนาดคือ
ใหญ่, กลาง, เล็ก ซึ่งวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ทำมีไม่มาก อาทิ ตุ๊กตาหมี,
ชุดตุ๊กตาหมี, เครื่องอัดเสียง และอุปกรณ์สำหรับเย็บผ้า เช่น เข็ม, ด้าย,
กรรไกร
“ปกติเราจะเตรียมเงินหมุนเวียนในการสต๊อกสินค้าอยู่ที่ประมาณ 10,000
บาทต่อเดือน เพราะการสต๊อกสินค้าจะทำให้เราสามารถควบคุมเรื่องราคาต้นทุนได้
และทำให้เราสามารถเช็กยอดสินค้าคงคลังของเราได้รวดเร็ว แต่ข้อเสียคือ
หากสต๊อกสินค้าไว้ไม่เหมาะสมก็อาจจะมีปัญหาเรื่องต้นทุนที่จมลงไปกับสินค้า
หรือหากสั่งน้อยไปจนสินค้าไม่พอกับความต้องการก็อาจทำให้เราเสียโอกาสในการ
ขายสินค้าได้” หทัยชนกแนะนำ
การทำ “ตุ๊กตาอัดเสียง” เนื่องจากนี่เป็นธุรกิจบริการประเภทที่นำสินค้ามาผสมผสาน ขั้นตอนจึงไม่มีอะไรมาก
จะมีในส่วนที่ต้องทำที่เป็นจุดขายก็คือ การบันทึกหรืออัดเสียงพูด
ซึ่งมีขั้นตอนคือ ลูกค้ากดปุ่มตัวอาร์ตรงแขนด้านซ้ายของตุ๊กตาค้างไว้
จนได้ยินเสียงสัญญาณดัง จึงทำการพูดเพื่อบันทึกเสียงลงไป
เมื่อพูดจบให้ปล่อยมือจากปุ่ม
จะได้ยินเสียงสัญญาณดังสองครั้งจึงจะถือว่าการอัดเสียงเสร็จสมบูรณ์
หากต้องการฟังก็ให้กดตรงแขนด้านขวา
ส่วนการลบเสียง ให้กดที่แขนด้านซ้ายของตุ๊กตาโดยไม่ต้องกดค้างไว้
จะได้ยินเสียงสัญญาณดังสองครั้ง ถือว่าลบเสียงออกได้สมบูรณ์
หากไม่แน่ใจก็กดที่แขนขวาเพื่อลองฟังดูก่อนอัดเสียงใหม่ได้
ซึ่งเหล่านี้ลูกค้าสามารถทำได้ด้วยตัวเองตามคำแนะนำในการใช้งาน
โดยสามารถดูได้ที่เฟซบุ๊กของทางร้าน
ใครสนใจติดต่อหทัยชนก ติดต่อได้ที่ โทร. 08-8884-0409
หรืออีเมลiam_a_bear@hotmail.com
ส่วนตัวสินค้าก็เข้าไปดูที่เฟซบุ๊กของทางร้าน ซึ่ง “ตุ๊กตาอัดเสียง”
นี่ก็ถือเป็นอีกหนึ่ง “ช่องทางทำกิน”
ที่ผสมผสานรูปแบบการสร้างสรรค์ชิ้นงานที่น่าสนใจ
และยังใช้ช่องทางจำหน่ายสินค้าที่น่าสนใจ
ในโลกยุคออนไลน์ที่เติบโตขึ้นทุกวัน.
http://www.dailynews.co.th/article/384/171151
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment