Wednesday, February 24, 2010

แนะนำอาชีพ'ปลูกฝรั่งไต้หวันแบบประณีตในไทย'

มีเกษตรกรไทยเป็นจำนวนมากยังไม่ทราบว่า เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2513 ทางไต้หวันได้มีการ นำฝรั่งจากประเทศไทยซึ่งมีขนาดผลใหญ่ เนื้อแน่นและกรอบไปปลูกได้ผลผลิตเป็นที่ชื่นชอบของคนไต้หวันในขณะนั้น เวลาผ่าน ไปไต้หวันได้มีการพัฒนาสายพันธุ์ฝรั่งเรื่อยมาโดยเน้นความกรอบอร่อยของเนื้อ , มีเมล็ด น้อยและนิ่ม ในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมาเริ่มมีเกษตรกรไทยนำพันธุ์ฝรั่งจากไต้หวันมา ปลูกจนประสบผลสำเร็จในบ้านเราและที่รู้จักกันดีคือ พันธุ์เจินจู ซึ่งมีเมล็ดนิ่มและรสชาติอร่อย เริ่มมีเกษตรกรไทยขหยายพื้นที่ปลูกกันมากขึ้นในขณะนี้

ความจริงแล้ว “ฝรั่ง” จัดเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางอาหารสูงมากชนิดหนึ่งและจัดเป็นผลไม้ที่ปลูกง่าย และสร้างรายได้เร็ว ปลูกไปเพียงไม่กี่เดือนก็เริ่มให้ผลผลิตนับเป็นไม้ผลที่ให้ผลตอบแทนเร็วมาก ชนิดหนึ่ง อีกทั้งผู้บริโภคหาซื้อบริโภคได้ในราคาที่ไม่สูงนัก แต่สิ่งหนึ่งที่เกษตรกรไทยที่ปลูกฝรั่งไม่ได้สนใจในเรื่องของความประณีต ในการจัดการสวน เช่น การห่อผลฝรั่งมีหลายสวนใช้เพียงถุงหิ้วพลาสติกธรรมดา, บางรายอาจจะใช้ห่อด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์และห่อทับด้วยถุงหิ้วพลาสติกอีก ชั้นหนึ่ง ฯลฯ

แต่ที่ไต้หวันไม่ว่าจะเป็นสวนเล็กหรือสวนใหญ่จะมีความประณีตในการห่อผลฝรั่ง มาก เริ่มแรกจากการปลิดผลทิ้งบ้างให้เหลือกิ่งละไม่กี่ผล เมื่อผลมีขนาดใหญ่ใกล้เคียงกับส้มเขียวหวานจะใช้ตาข่ายโฟมห่อที่ผลก่อนเป็น ลำดับแรกและห่อตามด้วยถุงพลาสติกบางใสและเหนียว สังเกตได้ว่าถุงพลาสติกที่เกษตรกรไต้หวันใช้จะบางมาก และสามารถมอง ทะลุเห็นผลภายในอย่างชัดเจนเพื่อสะดวกต่อการเก็บเกี่ยว

นอกจากฝรั่งพันธุ์เจินจู ที่ได้กล่าวมา แล้วในข้างต้น ปัจจุบันได้มีฝรั่งไต้หวันอีกสายพันธุ์หนึ่งที่ชมรมเผยแพร่ความรู้ทางการ เกษตร จ.พิจิตร ได้กิ่งพันธุ์จากไต้หวันมาปลูกที่ จ.พิจิตร เป็นกิ่งประเภทเสียบยอดมีรากแก้วจำนวน 2 ต้น (การขยายพันธุ์ฝรั่งในบ้านเราเกือบทั้งหมดจะใช้วิธีการตอนกิ่ง) และมีชื่อพันธุ์ที่ติดมากับต้นว่า “ฮ่องเต้” เริ่มปลูกฝรั่งตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2552 มาจนถึงขณะนี้เริ่มเห็นผลผลิตแล้วซึ่งได้พบความแตกต่างจากฝรั่งไต้หวันสาย พันธุ์อื่น ๆ ที่ปลูกในบ้านเรา ตรงที่รูปทรงผลจะเป็นทรงกระบอกสี่เหลี่ยม เมื่อผลเจริญเติบโตเต็มที่มีน้ำหนักผลไม่ต่ำกว่า 500 กรัม เนื้อมีรสชาติหวาน กรอบ, เมล็ดน้อยมากและนิ่ม ที่สำคัญเป็นพันธุ์ที่ออกดอกและติดผลง่ายให้ผลผลิตดี

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาการพัฒนาสายพันธุ์ฝรั่งของเกษตรกรไทยส่วนใหญ่จะมุ่ง เน้นในเรื่องของสายพันธุ์ที่ไม่มีเมล็ด ซึ่งหลายคนยังไม่ทราบว่าการปลูกฝรั่งไร้เมล็ดมักจะพบปัญหาในเรื่องของการติด ผลซึ่งส่วนใหญ่ติดผลน้อยมากและรสชาติไม่อร่อยเท่าที่ควร ทำให้การพัฒนาการปลูกฝรั่งในประเทศไทยไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควร.

ที่มา http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=568&contentID=46706

No comments: