ขนมไทย ๆ อย่าง “ขนมครก”
ที่ให้รสชาติความหอมหวานมันอร่อยจนเป็นที่ถูกปากใครหลาย ๆ คน
ที่มีขายกันทุกตลาดทั้งเช้าสายบ่ายค่ำนั้น ก็มีทั้งหน้าเดิม ๆ คือโรยต้นหอม
แต่ก็มีบางเจ้าที่ทำหน้าขนมครกให้แตกต่างออกไปอีก อย่างเช่น
“ขนมครกข้าวกล้องหน้าธัญพืช” เพื่อสุขภาพ ซึ่งวันนี้ทีม “ช่องทางทำกิน”
ก็มีข้อมูลมาแนะนำกัน...
อุบลรัตน์ หลักหาญ หรือ คุณหนิง เจ้าของร้านขนมครกเศรษฐี (ขนมครกข้าวกล้อง
๙ หน้าธัญพืช) เล่าให้ฟังว่า ก่อนจะมามีอาชีพขายขนมครก
เดิมเป็นแม่ครัวร้านอาหาร พอทำไปนาน ๆ อายุมากขึ้นก็รู้สึกเหนื่อย
และนึกถึงอนาคตว่าแก่ตัวไปคงทำไม่ไหว ครอบครัวต้องลำบาก
จึงคิดอยากจะมีอาชีพที่มั่นคงเป็นของตัวเอง แล้วก็มาลงตัวที่ขนมครก
จนปัจจุบันนี้ก็ยึดการขายขนมครกเป็นอาชีพเลี้ยงครอบครัวมานาน 5 ปีแล้ว
โดยเริ่มแรกก็ทำขนมครกสูตรดั้งเดิมขายอยู่ประมาณ 3 ปี
ต่อมาเพื่อให้ทันกับยุคสมัยและเข้ากับกระแสความต้องการของลูกค้าที่หันมา
สนใจอาหารแนวสุขภาพมากขึ้น จึงมีการดัดแปลงส่วนผสม ทว่ารสชาติยังคงเดิม
และรูปลักษณ์ก็ยังคงเดิม
“ยายก็ทำขนมครกขายอยู่ที่ปักษ์ใต้ ซึ่งเป็นขนมครกจิ้มน้ำตาล
ก็เรียนรู้จากยายแล้วทำใส่รถเข็นไปขายที่ปากซอย
แต่ขายไม่ค่อยดีเพราะคนกรุงเทพฯไม่รู้จักและกินไม่เป็น
จึงเปลี่ยนเป็นขนมครกหน้ากะทิหวาน ๆ แบบกรุงเทพฯ รวมถึงปรับหน้าขนมด้วย
เพราะคนกรุงชอบความหลากหลายแปลกใหม่ โดยเฉพาะอาหารแนวสุขภาพยิ่งชอบ”
คุณหนิงบอกต่อไปว่า ตัวขนมครกจะแบ่งส่วนผสมออกเป็น 2 อย่าง คือ แป้ง
และกะทิ โดยจะใช้แป้ง 2 ส่วน กะทิ 1 ส่วน
ซึ่งขนมครกที่ทำขายนั้นตัวแป้งจะทำจาก “ข้าวกล้อง” และหน้ากะทิที่หอม มัน
หวานกลมกล่อมนั้น จะไม่หวานมาก หน้ากะทินี้จะใช้หัวกะทิที่คั้นใหม่ ๆ
ผสมน้ำตาลและเกลือ ปรุงรสให้ออกหวานนำเล็กน้อย
จุดเด่นของขนมครกข้าวกล้องของร้านนี้คือ ความกรอบ จะกรอบนอกนุ่มใน
และมีเทคนิคในการกินเล็กน้อย คือ ถ้าซื้อใส่กล่อง
ทางร้านแนะนำให้เดินถือไปก่อนอย่าเพิ่งใส่ถุงหิ้ว
มิฉะนั้นไอน้ำจากความร้อนจะทำให้ขนมครกนิ่ม ไม่กรอบ
อุปกรณ์ในการทำขนมครก หลัก ๆ ก็มี เครื่องปั่นขนาดใหญ่, เบ้าขนมครก,
กาน้ำสำหรับหยอดแป้ง, เตาแก๊ส, ลูกประคบเล็ก ๆ
ที่ทำจากกาบมะพร้าวห่อด้วยผ้าขาวบาง หรือฟองน้ำ, ช้อนสำหรับแคะขนม,
ตะแกรงพักขนม, ถังน้ำแข็ง และเครื่องใช้อื่น ๆ ที่หยิบฉวยเอาได้จากในครัว
สำหรับส่วนผสม วัตถุดิบ หลัก ๆ ก็มี แป้งข้าวกล้องหอมมะลิ,
ข้าวกล้องหุงสุกแล้ว, มะพร้าวขูดขาว, น้ำตาลทราย, เกลือ ส่วนหน้าขนมครก
ก็มีทั้ง ข้าวโพด, ต้นหอม, ข้าวบาร์เลย์, งาขาวงาดำคั่ว, แปะก๊วย, เผือก,
มันต่อเผือก, ฟักทอง, ลูกเกด และเม็ดมะม่วงหิมพานต์ รวมถึงมีหน้าฝอยทองด้วย
ขั้นตอนการทำ “ขนมครกข้าวกล้อง” นำข้าวกล้องหอมมะลิมาแช่น้ำทิ้งไว้ข้ามคืน
หรืออย่างน้อย 3 ชั่วโมง เทน้ำทิ้ง แล้วซาวล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง
นำไปปั่นพร้อมกับข้าวกล้องหุงสุกที่เตรียมไว้
ขั้นตอนนี้ต้องใส่น้ำลงไปด้วยพอประมาณ แล้วนำมากรองด้วยผ้าขาวบาง
ก่อนจะนำไปผสมกับหัวกะทิ ถ้าแป้งข้นเกินไปให้เติมน้ำอีก ได้ที่แล้วก็พักไว้
การทำหน้ากะทิที่ใช้หยอด คั้นมะพร้าวด้วยน้ำอุ่นพอประมาณ
แล้วนำมาผสมกับน้ำตาลและเกลือ นำขึ้นตั้งไฟพอร้อน
ยกลงตั้งพักเตรียมไว้ใช้หยอดหน้าขนม
หน้าธัญพืชที่ใช้หยอดหน้าขนมครก หน้าต้นหอม
นำต้นหอมล้างให้สะอาดผึ่งให้สะเด็ดน้ำ แล้วหั่นฝอย หน้าเผือก
หน้ามันต่อเผือก หน้าฟักทอง ปอกเปลือกแล้วหั่นเป็นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ
แล้วนึ่งให้สุก หน้าแปะก๊วย ข้าวโพด ข้าวบาร์เลย์
นำไปต้มจนสุกใส่ภาชนะเตรียมไว้ หน้างาขาวงาดำ และเม็ดมะม่วงหิมพานต์
ก็คั่วให้หอมเตรียมไว้ ส่วนหน้าฝอยทองก็นำฝอยทองมาอบจนกรอบเตรียมไว้
ขั้นตอน-วิธีหยอดขนม นำเบ้าขนมหรือพิมพ์ขนมตั้งไฟอ่อน ๆ
เช็ดให้สะอาดด้วยน้ำมันพืชเล็กน้อยให้ทั่วทุกหลุม
พอเบ้าหรือพิมพ์ร้อนก็ตักตัวแป้งใส่กา หยอดลงหลุมอย่าให้เต็ม แค่ประมาณ 2
ใน 3 ส่วน โดยหยอดแบบนี้จนครบทุกหลุมแล้วจึงหยอดหน้ากะทิตามลงไปจนเต็ม
แล้วปิดฝาทิ้งไว้ประมาณ 5-8 นาที จึงค่อยเปิดฝา
สังเกตขอบขนมเริ่มเป็นสีน้ำตาล ก็เป็นอันใช้ได้
จากนั้นก็นำหน้าธัญพืชที่เตรียมไว้มาหยอดลงไป
เสร็จแล้วแคะขนมครกออกมาวางไว้ในตะแกรงให้ไอร้อนระเหย
เท่านี้ก็พร้อมรับประทาน และพร้อมขายได้เลย
โดยราคาขายขนมครกข้าวกล้องหน้าธัญพืชเจ้านี้ 1 กล่อง มี 14 ฝา
ขายราคากล่องละ 35 บาท มีต้นทุนประมาณ 60%
“ขนมครกข้าวกล้องหน้าธัญพืช” เจ้านี้
วันจันทร์จะขายอยู่ที่ตลาดนัดการไฟฟ้าฝ่ายผลิต บางกรวย วันอังคารที่ตึกซัน
วิภาวดีฯ วันพุธที่ซอยละลายทรัพย์และอาคารเสริมมิตร วันพฤหัสฯที่
รพ.เซนต์หลุยและอาคารวาณิชย์ วันศุกร์ขายที่ตลาดนัดรัชดาฯ และยังมี
“ช่องทางทำกิน” อีกรูปแบบคือรับออกร้านงานอีเวนต์ งานเทศกาลต่าง ๆ
ซึ่งใครต้องการติดต่อคุณหนิงก็ติดต่อได้ โทร. 08-6526-7588, 08-2985-3790
เชาวลี ชุมขำ :เรื่อง / สันติ มฤธนนท์ :ภาพ
..........................................
คู่มือลงทุน...ขนมครกข้าวกล้อง
ทุนอุปกรณ์ ประมาณ 4,000 บาทขึ้นไป
ทุนวัตถุดิบ ประมาณ 60% ของราคาขาย
รายได้ ขายราคา 35 บาท / 14 ฝา
แรงงาน 1 คนขึ้นไป
ตลาด ย่านชุมชน, ตลาด, ตลาดนัด
จุดน่าสนใจ เพื่อสุขภาพยังเป็นจุดขายที่ดี
http://www.dailynews.co.th/article/384/151497
Saturday, August 25, 2012
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment